ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวในวันพุธ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -1.77 เหรียญ หรือ -0.09% อยู่ที่ระดับ 1,977.15 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ปิดที่ระดับ 1,980.80 เหรียญ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันอังคารที่ 18 ก.ค.
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 13.10 เซนต์ หรือ 0.52% ปิดที่ 25.387 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 9.60 ดอลลาร์ หรือ 0.97% ปิดที่ 984.80 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.73 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 913.8 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 8.1 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 3.84 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.3 จุด หรือ 0.3% มาอยู่ที่ระดับ 100.28 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 3.752% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.779% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-1.03%
- นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ช่วงระดับ 5.25-5.50% ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กล่าวว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินรอบปัจจุบัน
- ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีนี้
- สมาชิกสภาบริหารอีซีบีเตรียมพิจารณาข้อมูลเงินเฟ้อหลังเดือนก.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้าต่อจากนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป โดยกล่าวเสริมว่า ในเดือนก.ค. มีความจำเป็นที่อาจจะยังต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่หลังจากเดือนก.ค.นั้น มีความเป็นไปได้ว่า จะมีความระมัดระวังในการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยจะเน้นการหาสมดุลระหว่างเงินเฟ้อ กับภาวะเศรษฐกิจด้วย
- นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ จากการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ จะช่วยลดความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของธนาคารกลางอังกฤษ อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงนี้ยังคงอยู่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศสำคัญอื่น ๆ อีกหลายประเทศ และยังคงอยู่ห่างจากระดับเป้าหมายที่บีโออีตั้งไว้ที่ 2%
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,061.21 จุด เพิ่มขึ้น 109.28 จุด หรือ +0.31%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,565.72 จุด เพิ่มขึ้น 10.74 จุด หรือ +0.24%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,358.02 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ +0.03%
- อังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเดือนมิ.ย. ชะลอตัวลงเกินคาด โดยชะลอตัวลงจาก 8.7% ในเดือนพ.ค. สู่ 7.9% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 8.2% ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 6.9% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 7.1%
- นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวในการประชุมกลุ่มประเทศ G20 ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มชะลอตัวลง โดยเฉพาะในภาคการผลิต และแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะกลางยังคงอ่อนแอ
- โดยกล่าวเสริมว่า เงินเฟ้อทั่วโลกจะยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นเวลายาวนานขึ้น และจำเป็นต้องมีการคุมเข้มนโยบายการเงินเพิ่มมากขึ้นต่อไป โดยขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะเฉลิมฉลองชัยชนะในการฉุดเงินเฟ้อลง โดยการลดเงินเฟ้อถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกของแต่ละประเทศ ควบคู่ไปกับความพยายามในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
- กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของนักลงทุนต่างประเทศลดลงในเดือนพ.ค. เนื่องจากแรงเทขายของจีนและญี่ปุ่น โดยสัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงสู่ระดับ 7.527 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. ลดลงจาก 7.581 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- โดยสัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของจีนลดลงสู่ระดับ 8.467 แสนล้านดอลลาร์ จาก 8.689 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. โดยสัดส่วนการถือครองในเดือนพ.ค.เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2010 ซึ่งจีนถือครอง 8.437 แสนล้านดอลลาร์ และสัดส่วนการถือครองของจีนลดลงมาตั้งแต่ปี 2018
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในระหว่างวัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 75.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 79.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า วิกฤตพลังงาน และภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจทำให้อุปสงค์การใช้พลังงานทั่วโลกชะลอตัวลงในปี 2566 โดยระบุว่า อัตราการขยายตัวของการใช้พลังงานทั่วโลกชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 2% ในปี 2566 ลดลงจากระดับ 2.3% ในปี 2565 สำหรับในปี 2567 มีความเป็นไปได้ที่อุปสงค์พลังงานจะฟื้นตัว โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของการใช้พลังงานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.3% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- ยูเครนกำลังเรียกร้องให้บรรดาบริษัทระดับโลกถอนกิจการออกจากรัสเซีย และย้ายมาตั้งธุรกิจในยูเครนแทน ท่ามกลางการไล่ยึดทรัพย์สินของบริษัทต่างชาติ โดยรัฐบาลรัสเซียส่งเสริมให้ยูเครนเป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาวที่ปลอดภัยสำหรับธุรกิจระหว่างประเทศ
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.01 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.15 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.85-34.15 บาทต่อดอลลาร์
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า มุมมองเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความไม่แน่นอนด้านการเมือง โดยในครึ่งปีหลัง คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 4.2% ดีกว่าครึ่งปีแรกที่ขยายตัว 2.9% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 29 ล้านคน ส่วนกรณีที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ที่ออกมาไม่ค่อยดี ซึ่งคาดว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะไม่เติบโตมากนัก
- สำหรับด้านนโยบายการเงินของไทย จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะมุมมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแนวโน้มเงินเฟ้อยังเป็นไปตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดไว้ ดังนั้นยังมีความจำเป็นต้องทำนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งไม่ได้พิจารณาแค่ปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อเท่านั้น แต่ต้องดูปัจจัยระยะยาวด้านเศรษฐกิจด้วย
- ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทย โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.5% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 3.3% ที่คาดไว้ในเดือนเม.ย. และคงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าที่ 3.7% พร้อมทั้งคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของไทยที่ 2.9% ในปีนี้ และ 2.3% ในปีหน้า
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง