ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,920 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี และปิดในแดนลบติดต่อกัน 9 วันทำการ ซึ่งเป็นสถิติการปิดลบที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2560 โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -2.84 เหรียญ หรือ -0.15% อยู่ที่ระดับ 1,889.25 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 13.10 เหรียญ หรือ 0.68% ปิดที่ 1,915.20 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.80% ปิดที่ 22.715 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4.30 เหรียญ หรือ 0.48% ปิดที่ 895.60 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 6.93 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 887.5 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ขายสุทธิ 25.43 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 30.14 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.07 จุด หรือ -0.07% มาอยู่ที่ระดับ 103.4 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.278% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.929% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.65%
- เจ้าหน้าที่เฟดได้ยุติการคาดการณ์เดิมที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อยในช่วงต่อไปในปีนี้ และหันมาคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่าระดับศักยภาพในปี 2024 และ 2025 โดยที่อัตราเงินเฟ้อจะร่วงลง และความเสี่ยง "โน้มเอียงไปในด้านต่ำ"
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 300 จุดในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,474.83 จุด ลดลง 290.91 จุด หรือ -0.84%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,370.36 จุด ลดลง 33.97 จุด หรือ -0.77%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,316.93 จุด ลดลง 157.70 จุด หรือ -1.17%
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 11,000 ราย สู่ระดับ 239,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 240,000 ราย ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และอาจทำให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น
- จีดีพีนาว ซึ่งเป็นโมเดลคาดการณ์เศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาพบว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะขยายตัว 5.8% ในไตรมาส 3 หลังการเปิดเผยข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้าน และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากอัตรา 5.0% ที่คาดไว้เมื่อวันอังคาร
- บรรดานักลงทุนจีนแห่ประท้วงบริษัทจงหรง อินเตอร์เนชั่นแนล ทรัสต์ (Zhongrong International Trust Co.) หนึ่งในธนาคารเงา (shadow bank) รายใหญ่ที่สุดของจีน หลังจากบริษัทจงหรงไม่ได้จ่ายเงินให้กับนักลงทุนสำหรับผลิตภัณฑ์การลงทุนหลายสิบรายการ ตอกย้ำว่าความซบเซาของภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินอย่างไร โดยผลิตภัณฑ์ทรัสต์หลายรายการที่จงหรงและบริษัทอื่น ๆ จำหน่ายนั้น ได้รับการสนับสนุนจากโครงการที่อยู่อาศัยที่ผู้พัฒนากำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้
- นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2566 จะขยายตัว 4.7% ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5% และได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2567 ลงสู่ระดับ 4.2% จากระดับ 4.5%
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อเนื่องด้วยการเตือนว่าอาจจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของจีนซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A+เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงสู่ระดับ A
- นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปีนี้ โดยเรียกร้องให้ขยายอุปสงค์ภายในประเทศและส่งเสริมการบริโภค และควรสร้างความมั่นคงควบคู่ไปกับการพัฒนา โดยเฉพาะการสนับสนุนภาคธุรกิจโดยรวม
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ขานรับความหวังที่ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 80.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 84.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 80 ดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางจีนให้คำมั่นว่าจะรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ และจะเดินหน้าใช้นโยบายที่มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- จีนดึงน้ำมันดิบในคลังมาใช้ในเดือนก.ค. ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เนื่องจากการนำเข้าที่ชะลอตัวลงและโรงกลั่นน้ำมันต่าง ๆ จำเป็นต้องผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และการส่งออกเชื้อเพลิงกลั่นที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ โรงกลั่นต่าง ๆ ใช้น้ำมันดิบราว 510,000 บาร์เรลต่อวัน จากคลังในเดือนก.ค. นับเป็นครั้งแรกในรอบ 33 เดือนที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลดลง
- ยอดส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียดิ่งลง 1.8% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ 6.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. จาก 6.93 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ค. โดยยอดส่งออกของเดือนมิ.ย.ถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2021 และถือเป็นการปรับลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่ผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ในเอเชียหันไปซื้อน้ำมันดิบรัสเซียที่มีราคาถูกกว่าของซาอุดิอาระเบีย
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยูเครน ระบุว่า ยูเครนไม่มีแผนจะเข้าร่วมการเจรจากับรัสเซียเรื่องการต่ออายุสัญญาขนส่งก๊าซของรัสเซียผ่านดินแดนของยูเครนที่จะหมดอายุสัญญาในปีหน้า โดยระบุเพิ่มว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มประเทศยุโรปจะไม่ต้องการก๊าซของรัสเซีย
- เกาหลีเหนือกำลังเตรียมดำเนินการยั่วยุครั้งใหม่ ซึ่งรวมถึง การยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการประชุมสุดยอดระหว่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.48 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.43 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.25-35.55 บาทต่อดอลลาร์
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง