ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 5.35 เหรียญ หรือ 0.28% อยู่ที่ระดับ 1,894.9 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.50 เหรียญ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,923.00 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 60.70 เซนต์ หรือ 2.67% ปิดที่ 23.34 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.50 เหรียญ หรือ 0.16% ปิดที่ 913.50 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.87 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 889.23 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ขายสุทธิ 23.7 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 28.41 ตัน
- สัญญาทองคำปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากสัญญาทองคำร่วงลง 1.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.11 จุด หรือ -0.11% มาอยู่ที่ระดับ 103.33 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 4.344% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 5.005% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.66%
- ฝ่ายวิจัยโลกจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า นักลงทุนยังคงเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ส.ค. แม้ขณะที่มีแรงขายในตลาดพันธบัตรมากขึ้น และส่งผลให้ผลตอบแทนทั่วโลกพุ่งขึ้นมากก็ตาม โดยกองทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้รับคำสั่งซื้ออีก 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินทุนไหลเข้าเป็นสัปดาห์ที่ 27 ติดต่อกัน และมีแนวโน้มว่าจะมีเงินทุนไหลเข้ามากเป็นประวัติการณ์ในปีนี้
- นายกฤษณะ กุฮา รองประธานบริษัทเอเวอร์คอร์ ไอเอสไอกล่าวว่า บอนด์ยิลด์พุ่งขึ้นในช่วงนี้ในจังหวะที่รวดเร็วมากพอที่จะส่งผลให้ "เฟดจับตาดูความเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตร และจับตาดูผลกระทบที่จะมีต่อตลาดสินทรัพย์ในวงกว้างอย่างระมัดระวัง" โดยเฟดจับตาดูทั้งตลาดหุ้น, ราคาบ้าน และตลาดหุ้นกู้ในช่วงนี้เพื่อใช้ประเมินภาวะเศรษฐกิจด้วย
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 3.45% เมื่อวานนี้ แต่คงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเอาไว้ที่ระดับ 4.20% ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้หน้านี้ว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ทั้งประเภท 1 ปี และ 5 ปี ลง 0.15%
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นกว่า 200 จุด โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,463.69 จุด ลดลง 36.97 จุด หรือ -0.11%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,399.77 จุด เพิ่มขึ้น 30.06 จุด หรือ +0.69%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,497.59 จุด เพิ่มขึ้น 206.81 จุด หรือ +1.56%
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.34% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2550 เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค
- จีนจะผลักดันให้กลุ่มบริกส์ (BRICS) ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ ขึ้นมาเป็นคู่แข่งของกลุ่ม G7 อย่างเต็มตัวในการประชุมสุดยอดที่เมืองโจฮันเนสเบิร์กในสัปดาห์นี้ ที่มีแนวโน้มว่าจะเปิดรับประเทศใหม่ ๆ เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี อินเดียและจีนมีความเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องการขยายตัวของกลุ่มบริกส์ โดยอินเดียมองว่าบริกส์ควรเป็นกลุ่มเศรษฐกิจสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ในขณะที่จีนต้องการให้บริกส์เป็นพลังทางการเมืองท้าชนกับกลุ่มชาติตะวันตก
- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า การค้าระหว่างจีนกับอีก 4 ประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ซึ่งได้แก่บราซิล รัสเซีย, อินเดีย, และแอฟริกาใต้ ยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 โดยการค้าระหว่างจีนกับ 4 ประเทศดังกล่าวขยายตัว 19.1% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.38 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 3.3062 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และยอดการส่งออกจากจีนไปยัง 4 ประเทศในกลุ่มบริกส์ ขยายตัว 23.9% ในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 1.23 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 14.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.15 ล้านล้านหยวน
- สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า พื้นที่ว่างในสำนักงานให้เช่าชั้นนำส่วนใหญ่ของจีนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากบรรดาธุรกิจพยายามลดค่าใช้จ่ายด้านการเช่าพื้นที่สำนักงาน หลังเศรษฐกิจจีนไม่ฟื้นตัวอย่างที่เคยคาดคาดการณ์เอาไว้
- เว็บไซต์ข่าวไฉซิน มีเดีย (Caixin Media) รายงานว่า รัฐบาลกลางของจีนวางแผนที่จะอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นจำหน่ายพันธบัตรพิเศษมูลค่า 1.5 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 2.06 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมเงินทุนในการบรรเทาหนี้สิน
- ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่า ตลาดแรงงานของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกกำลังก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยในขณะที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความท้าทายในระยะยาว รัฐบาลต่าง ๆ ในภูมิภาคจำเป็นต้องส่งเสริมทักษะแรงงาน ลดความไม่เสมอภาค และรับประกันว่าภูมิภาคดังกล่าวสามารถหวนกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
- กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นจะปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวขึ้นเป็น 1.5% ในปีงบประมาณ 2024/2025 จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.1% สำหรับปีงบประมาณ 2023/2024
- ยอดส่งออกของเกาหลีใต้งในระหว่างวันที่ 1-20 ส.ค. ร่วงลง 16.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แตะที่ระดับ 2.786 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากอุปสงค์สินค้าของเกาหลีใต้ในตลาดโลกชะลอตัวลง โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันอ่อนแอลงด้วย ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในประเทศ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.65% ปิดที่ 80.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 84.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้ เปิดว่า ความร่วมมือไตรภาคีกับสหรัฐและญี่ปุ่นจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือเพิ่มขึ้น
- ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านนโยบายการต่างประเทศและความมั่นคง เปรียบเทียบรัสเซียว่าเป็น “ปั๊มน้ำมันที่มีระเบิดปรมาณู” และเป็น “คนแคระทางเศรษฐกิจ” พร้อมย้ำว่ารัสเซียจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำสงครามกับยูเครนและไม่มีอิทธิพลในเวทีโลกเท่ากับจีน พร้อมทั้งตำหนิว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย “คิดผิดในเกือบทุกด้าน” โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าจะสามารถควบคุมประเทศในอียูผ่านการพึ่งพาพลังงานได้
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.18 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ35.00-35.30 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้ผลการโหวตนายกฯ ไทย และมองกรอบในช่วง 34.80-35.50 บาทต่อ ดอลลาร์ ระหว่างทยอยรับรู้ผลการโหวตเลือกนายกฯ ไทย
- สภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไตรมาสที่ 2/66 ขยายตัว 1.8% ต่ำกว่าตลาดคาดโต 3.0%YoY และชะลอลงจาก 2.6% ในไตรมาสที่ 1/66 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวสูงต่อเนื่อง การลงทุนรวมขยายตัวชะลอลง แต่การใช้จ่ายภาครัฐบาลลดลงต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายภาครัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุขมีฐานสูงในปี 2565 ภาคการส่งออกโดยรวมขยายตัวชะลอลง โดยการส่งออกสินค้ายังคงหดตัว ในขณะที่บริการรับยังคงขยายตัวสูงจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
- สภาพัฒน์ ได้ปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ลงเหลือ 2.5-3.0% จากเดิมคาด 2.7-3.7% ซึ่งการปรับลดประมาณการ GDP มีปัจจัยหลักมาจากการหดตัวอย่างต่อเนื่องถึง 3 ไตรมาส ของการส่งออกไทย ซึ่งมีผลมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ โดยสภาพัฒน์ ยังได้ปรับลดประมาณการส่งออกไทยในปีนี้เป็น -1.8% จากเดิมคาดไว้ที่ -1.6%
- อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งปีแรก ของปี 66 (เดือนมกราคม-มิถุนายน) เฉลี่ยอยู่ที่ 156.74 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.7% และคาดว่าภาพรวมทั้งปีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง