• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 6 กันยายน 2566

    6 กันยายน 2566 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยฉุดตลา 
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -12.44 เหรียญ หรือ -0.64% อยู่ที่ระดับ 1,926.01 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 14.50 เหรียญ หรือ 0.74% ปิดที่ 1,952.60 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 68.90 เซนต์ หรือ 2.81% ปิดที่ 23.873 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 35.20 ดอลลาร์ หรือ 3.63% ปิดที่ 933.50 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.16 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 889.81 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 0.29 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 27.83 ตัน

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.62 จุด หรือ 0.6% มาอยู่ที่ระดับ 104.75 จุด   
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.264% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.94% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.68% อยู่ในภาวะ inverted yield curve     

  • นายเอริค โรเซนเกรน อดีตประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวว่า ตลาดแรงงานชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และระบุเสริมว่า "ถ้าหากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป ก็มีแนวโน้มว่าวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจแตะจุดสูงสุดแล้ว"   

  • ธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนส.ค. และแนวโน้มในอนาคตก็ไร้ทิศทางชัดเจน เนื่องจากเศรษฐกิจของแต่ละประเทศมีแนวโน้มที่แตกต่างจากกัน และความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อของแต่ละประเทศก็มีแนวโน้มที่แตกต่างจากกันด้วย


  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนส.ค.ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากทางการเกาหลีใต้ได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อสกัดการอ่อนค่าของเงินวอน ทั้งนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนส.ค. ลดลง 3.5 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 4.1830 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน                                                                                                                                               

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐอย่างใกล้ชิด ก่อนที่การประชุมเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ 

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจส์ปิดที่ 34,641.97 จุด ลดลง 195.74 จุด หรือ -0.56%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,496.83 จุด ลดลง 18.94 จุด หรือ -0.42% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,020.95 จุด ลดลง 10.86 จุด หรือ -0.08%

  • นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 13 ก.ย.เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้

  • โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ขณะนี้มีโอกาสเพียง 15% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งลดลงจากโอกาส 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 

  • นักเศรษฐศาสตร์ เตือนว่า สหรัฐควรยุตินโยบายบางประการที่ต้องการชะลอการเติบโตของจีนโดยเน้นย้ำว่า บางมาตรการทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ต่อต้านจีนนั้นถือเป็นการละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) และเป็นอันตรายต่อความเจริญรุ่งเรืองของโลก 

  • มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า มีการลงทุนในจีนมากเกินไป โดยมีการลงทุนผ่านการกู้ยืมเงินมากเกินไปและมีอุปทานมากจนเกินไป นอกจากนั้นยังมีปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์อีกด้วย ในขณะที่อินเดียมีการลงทุนที่น้อยเกินไป 

  • ฟิทช์ เรทติ้งส์คาดการณ์ว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่อ่อนแอลงของนักลงทุนต่างชาติในปี 2566 ขณะที่ FDI ในภาคการผลิตสินค้าไฮเทคมีแนวโน้มที่จะยังคงฟื้นตัว 

  • Bloomberg Economics ระบุว่า จีนอาจไม่สามารถแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลกได้ในเร็ว ๆ นี้ และอาจไม่มีโอกาสที่จะแซงหน้าสหรัฐขึ้นสู่สถานะดังกล่าวได้อีกเลย เนื่องจากวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์และความเชื่อมั่นที่ถดถอยลงยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 

  • กิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนร่วงลงมากกว่าคาดในเบื้องต้นในเดือนส.ค. ขณะที่ภาคบริการหดตัวลง ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ร่วงลงสู่ระดับ 46.7 ในเดือนส.ค. จาก 48.6 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดตั้งแต่เดือนพ.ย.2020 

  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์กล่าวว่า ยูโรโซนไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีแรก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะแสดงถึงความท้าทายที่ใหญ่ขึ้น ตัวเลขที่น่าผิดหวังมีส่วนสนับสนุนการทบทวนปรับลดคาดการณ์จีดีพีของเรา ซึ่งอยู่ที่ -0.1% ในขณะนี้สำหรับไตรมาส 3

  • กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนญี่ปุ่นเดือนก.ค. ปรับตัวลง 5.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แล้ว และหนักกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงเพียง 2.5% 

  • กระทรวงต่างๆของญี่ปุ่นขอจัดสรรงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ 114.3 ล้านล้านเยน สำหรับงบประมาณของปีงบประมาณหน้า โดยต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าสาธารณูปโภคที่พุ่งขึ้นเพิ่มความจำเป็นในการใช้จ่าย

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนในวันอังคาร ขานรับข่าวซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันโดยสมัครใจจนถึงสิ้นปี 2566 

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 86.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2565
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 90.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2565 

  • รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียประกาศว่า รัสเซียจะขยายเวลาการปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกลง 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ จะเดินทางไปรัสเซียในเดือนนี้ เพื่อพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และหารือเกี่ยวกับการส่งอาวุธเพื่อช่วยในการทำสงครามในยูเครน 

  • นายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จะผลักดันให้มีการตอบโต้ที่แข็งกร้าวขึ้นต่อโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในการประชุมสุดยอดที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่าอาวุธดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาค 

  • กระทรวงกลาโหมรัสเซียและนายกเทศมนตรีกรุงมอสโกเปิดเผยว่า รัสเซียยิงสกัดโดรนของยูเครนซึ่งมุ่งเป้ามายังมอสโก ส่งผลให้โดรนตกที่เขตอิสทรา (Istra) ในพื้นที่เมืองหลวง และแคว้นคาลูกาในเมื่อวานนี้ 

  • เหล่าผู้นำอาเซียน (ASEAN) มีกำหนดประชุมสุดยอดที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียเมื่อวานนี้ โดยมีการประชุมเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อในเมียนมา และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ 

  • กระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นแจ้งต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ว่า การที่จีนสั่งแบนอาหารทะเลของญี่ปุ่นหลังการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่บำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเลนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ 

  • กระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีนเตรียมเข้าร่วมงานประชุมกลุ่ม G20 ครั้งที่ 18 ณ กรุงนิวเดลีเมืองหลวงของประเทศอินเดียในวันที่ 9 -10 ก.ย.

  • รัฐมนตรีคลังของอินเดียเปิดเผยว่า กำลังดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับกรอบการทำงานระดับโลกเพื่อกำกับดูแลด้านคริปโทเคอร์เรนซี พร้อมเสริมว่า จะไม่สามารถควบคุมสกุลเงินคริปโทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากปราศจากความร่วมมือจากทุกประเทศ

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า "ค่าเงินบาทวันนี้"เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.47 บาทต่อดอลลาร์ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.60 บาทต่อดอลลาร์

  • สภาผู้ส่งออก (สรท.) กล่าวว่า สถานการณ์การส่งออกของไทยปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทั้งจีน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศที่เป็นผู้ส่งออกแล้วจะเห็นว่าการส่งออกของไทยนั้นปรับตัวลดลงน้อยกว่า และการส่งออกของไทยในปีนี้คงไม่เป็นไปตามที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แม้จะมีความพยายามที่จะผลักดันก็ตาม ทั้งนี้ จากการประเมินในเบื้องต้น สรท.จึงปรับเป้าส่งออกในปีนี้จาก -0.5% ถึง 1% มาเป็น -1% ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์เป็นรายเดือน เมื่อถึงเดือน พ.ย.-ธ.ค.66 จึงจะสามารถประเมินเป้าหมายในปี 67 ได้ 

  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ในเดือน ส.ค.66 อยู่ที่ 108.41 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.88% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานในตลาดโลก ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และก๊าซหุงต้มในประเทศปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.66) เพิ่มขึ้น 2.01% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) หรือเงินเฟ้อพื้นฐาน ในเดือนก.ค.66 อยู่ที่ 104.41 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.79% ให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 8 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 1.61% 

  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า จากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออก สำนักวิจัย ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกที่ 3.3% โดยคาดว่า GDP ปี 66 จะอยู่ที่ 3.0% และ ปี 67 อยู่ที่ 3.5% จากเดิมคาด 3.7%

 

 

 

 

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 

 



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com