ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ลดลงในรอบสัปดาห์นี้โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมสัปดาห์หน้า
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -0.58 เหรียญ หรือ -0.03% อยู่ที่ระดับ 1,919.09 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,942.70 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ลดลง 1.2% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.60 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 23.174 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 14.80 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 894.80 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 22.70 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 1,192.30 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาทองคำฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดีซึ่งถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 886.64 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 3.46 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 31.0 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.01 จุด หรือ -0.01% มาอยู่ที่ระดับ 105.06 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.286% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 5.001% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.72%
- นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า การทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ ยุครุ่งเรือง (golden path) ถือเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดย golden path นี้คือเส้นทางที่อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะถดถอย ทั้งนี้ เขากล่าวว่า "อัตราเงินเฟ้อโดยรวมยังคงอยู่สูงกว่าระดับที่เราต้องการ" และเขาต้องการจะเห็นอัตราเงินเฟ้อในภาคที่อยู่อาศัยและอัตราเงินเฟ้อของราคาสินค้าชะลอตัวลงไปอีก อย่างไรก็ดี "มีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่า เราจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ แต่สิ่งเดียวที่ผมต้องการจะเตือนคุณไว้ก็คือว่า เรายังไม่สามารถรับประกันในเรื่องนี้ได้"
- นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กยังคงเปิดทางเลือกสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นายลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัสกล่าวว่า แม้อาจเป็นการเหมาะสมที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป แต่ก็อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมรอบนี้ แต่เพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. และมองว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้
- เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้า 10 ประเทศซึ่งรวมถึงสหรัฐ โดยเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะที่ระดับ 146.67 เยนต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากนายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้ BOJ อาจมีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินว่าอัตราค่าจ้างในญี่ปุ่นจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ โดยอัตราค่าจ้างเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ BOJ ตัดสินใจว่าจะยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (Ultra-easy policy) หรือไม่
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ แต่อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดของวัน และติดลบในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์หน้า
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,576.59 จุด เพิ่มขึ้น 75.86 จุด หรือ +0.22%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,457.49 จุด เพิ่มขึ้น 6.35 จุด หรือ +0.14%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,761.53 จุด เพิ่มขึ้น 12.69 จุด หรือ +0.09%
- แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.8%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1.3% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.9%
- ซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจยูโรโซนสำหรับปี 2566 เหลือขยายตัวเพียง 0.4% และคาดว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะหดตัวเล็กน้อยในช่วง 3 ไตรมาสข้างหน้า โดยก่อนหน้านี้ ซิตี้กรุ๊ปเคยคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของยูโรโซนในปีนี้จะขยายตัวที่ 0.8%
- จีนเปิดเผยข้อมูล ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) กลับมาเป็นบวกในเดือนส.ค. และแรงกดดันด้านเงินฝืดลดลงท่ามกลางสัญญาณความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากลดลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.ค.ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 3.0% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย หลังจากลดลง 4.4% ในเดือนก.ค.
- สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566 ของญี่ปุ่นขยายตัว 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่ามีการขยายตัว 6.0% และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจขยายตัว 5.5%
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ และแตะระดับสูงสุดของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ตึงตัว ซึ่งได้ช่วยคลายความกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ที่อ่อนแอของจีน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 87.51 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.3% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 90.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. และปรับตัวขึ้น 2.4% ในรอบสัปดาห์นี้
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลงเพียง 5.6 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันก็ยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก โดยจีนเปิดเผยว่า การส่งออกลดลง 8.8% ในเดือนส.ค. ขณะที่การนำเข้าหดตัว 7.3%
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า จะดำเนินการร่วมกับประเทศสมาชิกในการประชุมสุดยอด G20 ที่อินเดีย โดยตั้งเป้าเพื่อรวบรวมการสนับสนุนด้านทรัพยากรทางการเงินที่เพิ่มขึ้นให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) เพื่อช่วยประเทศสมาชิกในการจัดการกับปัญหาระดับโลกต่าง ๆ รวมถึงการเพิ่มเงินตามโควตาใหม่ของไอเอ็มเอฟ
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า "ค่าเงินบาทวันนี้"เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.55 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.00-35.75 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาทต่อดอลลาร์
- นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวยืนยันความพร้อมในแถลงนโยบายของรัฐบาลวันที่ 11-12 ก.ย.66 พร้อมระบุว่า อยากเห็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) มากกว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยอยากเห็นการเติบโตของ GDP ปีละ 5%
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง