ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาดิ่งลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดีทีผ่่านมา
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 5.35 เหรียญ หรือ 0.28% อยู่ที่ระดับ 1,925.43 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.00 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 1,945.60 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ลดลง 0.04% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 15.70 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 23.844 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 9.50 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 934.10 ดอลลาร์/ออนซ์
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 877.39 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 12.71 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 40.25 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.19 จุด หรือ 0.18% มาอยู่ที่ระดับ 105.57 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.45% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 5.108% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.66%
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัท FWD BONDS กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้แสดงสัญญาณชะลอตัวลง และสิ่งนี้ก็บ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังไม่ชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมาย ดังนั้นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จึงทำในสิ่งที่ฉลาดแล้วในการระบุว่าเฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเฟดสมควรที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง"
- ธนาคารกลางชั้นนำกำลังใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยเริ่มสร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาด โดยธนาคารกลางของประเทศพัฒนาแล้ว 9 ประเทศขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 39.65% ในวงจรรอบนี้
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำพิเศษ และคงการประกาศว่าจะหนุนเศรษฐกิจต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะแตะเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืนยัน ซึ่งบ่งชี้ว่า บีโอเจไม่รีบเร่งที่จะทยอยถอนมาตรการกระตุ้นทางการเงินขนาดใหญ่
- เจ.พี.มอร์แกนคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนพ.ย.และตลอดทั้งปีหน้า หลังจากที่บีโออีได้ยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อลดลงแล้ว
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,963.84 จุด ลดลง 106.58 จุด หรือ -0.31%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,320.06 จุด ลดลง 9.94 จุด หรือ -0.23%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,211.81 จุด ลดลง 12.18 จุด หรือ -0.09%
- ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ติดลบ 1.9%, ดัชนี S&P500 ลดลง 2.9% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.6%
- สำนักข่าว Reuters เปิดเผยว่า ธนาคารชั้นนำของรัฐบาลจีนเข้าซื้อหยวนต่อดอลลาร์ ในตลาดฟอร์เวิร์ดออนชอร์ และนำดอลลาร์ไปขายในตลาดสปอตเพื่อสกัดการอ่อนค่าของหยวน ซึ่งแรงขายดอลลาร์ดังกล่าวช่วยป้องกันหยวนไม่ให้อ่อนค่าลงมากเกินไปและเร็วเกินไป
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 2 แห่งของจีน ซึ่งได้แก่บริษัทไชน่า จินเหมา โฮลดิงส์ กรุ๊ป (China Jinmao Holdings Group) และไชน่า แวนกี้ (China Vanke) โดยระบุว่าบริษัททั้ง 2 แห่งมีแนวโน้มที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งคำเตือนดังกล่าวนับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าวิกฤตหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนกำลังลุกลามเป็นวงกว้าง
- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจส่งผลให้ BOJ เริ่มพิจารณายกเลิกการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ(Ultra-loose Policy)
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ หลังรัสเซียประกาศระงับการส่งออกน้ำมันทั่วโลกเพื่อรักษาเสถียรภาพภายในประเทศ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 90.03 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 0.01% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 93.27 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 0.7% ในรอบสัปดาห์นี้
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล
- กระทรวงพลังงานรัสเซียออกแถลงการณ์ระบุว่า รัสเซียประกาศระงับการส่งออกน้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นการชั่วคราวต่อทุกประเทศในโลก โดยมีผลบังคับใช้ในทันทีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดเชื้อเพลิงภายในรัสเซีย
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครน มูลค่าสูงถึง 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างการหารือกับนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน
- รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียจะเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือในเดือนหน้า หลังจากที่มีการประชุมสุดยอดในเดือนนี้ระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย
- คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐกำลังเจรจากับเวียดนามเกี่ยวกับข้อตกลงการขายอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระหว่างสองประเทศที่เคยเป็นอดีตศัตรูในยุคสงครามเย็น ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับจีนและกีดกันรัสเซียจากการขายอาวุธให้กับเวียดนาม
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ35.75-36.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.15 บาทต่อดอลลาร์
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ต้องจับตา 3 ปัจจัยสำคัญ ที่อาจมีผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงที่เหลือของปี 66 ดังนี้
- 1. ท่าทีเฟดและเงินดอลลาร์ คาดว่า เฟดยังน่าจะส่งสัญญาณในเชิงคุมเข้ม ซึ่งอาจหนุนค่าเงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ให้ปรับสูงขึ้น
- 2. ค่าเงินหยวนและเศรษฐกิจจีน โดยประเมินว่า เงินหยวนของจีนยังอาจเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า เนื่องจากแนวโน้มที่เปราะบางของเศรษฐกิจจีน ตลอดจนปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงตามในบางจังหวะด้วยเช่นกัน
- 3. ปัจจัยเฉพาะของไทย คือสถานะดุลบัญชีเดินสะพัด และฐานะการคลัง ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยที่ตลาดรอติดตามอย่างใกล้ชิด โดยแนวโน้มการชะลอตัวของประเทศคู่ค้า และสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น อาจกดดันให้ฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยอ่อนแอลง
- อดีตกรรมการและกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 27 ก.ย.นี้ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังแรงกดดันเงินเฟ้อลดลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.88% เป็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน) ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 0.79%
- นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังจับตาเงินบาทที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ดี นายเศรษฐามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทไม่ใช่เรื่องแย่ไปทั้งหมดสำหรับเศรษฐกิจไทย โดยเงินบาทที่อ่อนค่าอาจจะเป็นปัจจัยหนุนภาคการส่งออกและท่องเที่ยว
- นายกเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน ด้วยมาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว 2 ประเทศ คือ จีน และคาซัคสถาน ให้สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 66 – 29 ก.พ. 67 รวมระยะเวลา 5 เดือน
- นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้มอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยในสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า ปัญหาแรก คือ การพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยต่ำกว่าเพื่อนบ้าน ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ไข ปัญหาที่สอง หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาสังคม ยาเสพติด ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ยึดทรัพย์ เผาทำลาย เจรจาระหว่างประเทศเพื่ออุดพรมแดน ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อความความสมานฉันท์
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง