• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2566

    11 ตุลาคม 2566 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -2.17 เหรียญ หรือ -0.12% อยู่ที่ระดับ 1,860.46 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11 ดอลลาร์ หรือ 0.59% ปิดที่ 1,875.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.90 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 21.953 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 890.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.3 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 861.51 ตันภาพรวมเดือนตุลาคม ขายสุทธิ 12.13 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 56.13 ตั 

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.23 จุด หรือ -0.22% มาอยู่ที่ระดับ 105.73 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.653% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.972% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.32% อยู่ในภาวะ inverted yield curve

  • นางลอรี โลแกน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ และภาวะการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นในขณะนี้ อาจทำให้เฟดมีความจำเป็นน้อยลงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

  • นายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน รองประธานเฟด กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว อาจส่งผลให้เฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกต่อไป ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร มีอิทธิพลโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมสำหรับภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ โดยย้ำว่า เฟดจำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง

  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นับตั้งแต่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นสู่ระดับ 5.25-5.50% ในเดือนก.ค. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวสูงขึ้น และเป็นปัจจัยขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจและการจ้างงาน

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนการยุติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างระมัดระวัง

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,739.30 จุด เพิ่มขึ้น 134.65 จุด หรือ +0.40%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.24 จุด เพิ่มขึ้น 22.58 จุด หรือ +0.52% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,562.84 จุด เพิ่มขึ้น 78.60 จุด หรือ +0.58%

  • นักวิเคราะห์จากบริษัท เอ็ดเวิด โจน กล่าวว่า การชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 และช่วยบดบังปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

  • IMF เพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐขึ้น 0.3% มาที่ 2.1% สำหรับปีนี้ และปรับเพิ่มคาดการณ์ของปีหน้าขึ้น 0.5% สู่ระดับ 1.5% โดยระบุถึงการลงทุนทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น 

  • ขณะที่ IMF ปรับลดคาดการณ์จีดีพีของจีนลง โดยคาดว่าจะขยายตัวลดลง 0.2% มาที่ 5.0% ในปีนี้ และลดลง 0.3% มาที่ 4.2% ในปีหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของจีน และภาวะอุปสงค์ภายนอกที่ชะลอตัว

  • บริษัทคันทรี การ์เดน ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้ออกมายอมรับว่า บริษัทอาจจะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ในต่างประเทศได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากบริษัทเผชิญกับความยากลำบากในการปรับโครงสร้างหนี้ และสถานะเงินสดของบริษัทยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน

  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ IMF กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อสะสางปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่าทางการได้ดำเนินมาตรการไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้

  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า หุ้นเอเชียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการไหลออกของเงินตราต่างประเทศ โดยชาวต่างชาติแห่เทขายหุ้นในเอเชียรวมเป็นเงินสุทธิ 1.126 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน ก.ย. ซึ่งนับเป็นการไหลออกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 อันเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานในสหรัฐและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มขึ้น

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานอุปสงค์และอุปทานน้ำมันจากหลายหน่วยงานในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงสำนักงานพลังงานสากล (IEA) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 85.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.57% ปิดที่ 87.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

  • นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของธนาคารคอมมอนเวลธ์ กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอย่างยาวนานนั้น เหตุการณ์ความขัดแย้งจะต้องกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน และทำให้ปริมาณน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในขณะนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก

  • โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยังไม่ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อปริมาณน้ำมันในตลาด แต่จะกระทบต่อการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย

  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวพุ่งสูงกว่า 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนส.ค. นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ ความกังวลต่ออุปทานตึงตัวหลังซาอุดิอาระเบียขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่ 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปถึงสิ้นปี 66 ขณะที่รัสเซียปรับลดการส่งออกลง 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

  • ตำรวจออสเตรเลีย เปิดเผยว่ากำลังสืบสวนกรณีการชุมนุมสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่จัดขึ้นที่ซิดนีย์โอเปราเฮาส์หลังจากมีคลิปวิดีโอปรากฏภาพคนกลุ่มเล็ก ๆ  ในม็อบตะโกนให้จับพวกยิวไปรมแก๊ส โดยนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ระบุว่าคำตะโกนต่อต้านชาวยิวดังกล่าวนั้น เป็นที่น่าหวั่นใจ  โดยย้ำว่า เราเป็นชาติที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่นี่ในออสเตรเลีย เราต้องรับมือกับวาทกรรมทางการเมืองโดยให้เกียรติกัน

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

  • ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.54 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.75 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.35-36.65 บาท/ดอลลาร์

  • สมาชิกวุฒิสภา หลายคนทักท้วงการเดินหน้าทำโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาล เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและประชาชนในระยะยาว

  • โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยืนยันเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เชื่อมั่นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสให้กับภาคประชาชนและครัวเรือนฅ

  • รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่ลดลงถึง 29.47% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งมีจำนวน 106,472 คน โดยลดลงมาเหลือเพียง 75,093 คนในสัปดาห์นี้ จากความกังวลด้านความปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่สยามพารากอน และการเข้าสู่ภาวะสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส





ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com