ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -8.06 เหรียญ หรือ -0.41% อยู่ที่ระดับ 1,972.84 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.60 เหรียญ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,987.80 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 29.40 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 23.21 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 905.00 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 3.17 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 860.07 ตันภาพรวมเดือนตุลาคม ขายสุทธิ 13.57 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 57.57 ตัน
- นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้น 9% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.55 จุด หรือ -0.52% มาอยู่ที่ระดับ 105.61 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 4.852% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 5.054% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.2% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ลอรี โลแกน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัสกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ส่งผลให้เฟดมีเวลาในการตัดสินใจเรื่องการปรับนโยบายการเงินครั้งถัดไป
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.33 แสนล้านหยวน โดยดำเนินการผ่านทางสัญญาซื้อคืน (reverse repurchase contracts) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินระยะสั้นของจีน และการดำเนินการดังกล่าวบ่งชี้ว่าจีนมีเป้าหมายที่จะรักษาต้นทุนการกู้ยืมให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.45% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 4.20% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการแทรกแซงครั้งที่ 5 ในเดือนนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 10 ปี ซึ่งเป็นความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นพุ่งขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.845% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2556 แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรชะลอตัวลงทันทีหลังจาก BOJ ประกาศแทรกแซงตลาด
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกัน 4 วันทำการ ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวกหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,936.41 จุด ลดลง 190.87 จุด หรือ -0.58%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,217.04 จุด ลดลง 7.12 จุด หรือ -0.17%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,018.33 จุด เพิ่มขึ้น 34.52 จุด หรือ +0.27%
- ยูบีเอส (UBS) ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยว่า ธนาคารจะปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารธุรกิจในสวิตเซอร์แลนด์ใหม่ทั้งหมดหลังจากเข้าซื้อกิจการธนาคารเครดิต สวิส (Credit Suisse) ซึ่งจะรวมถึงการแต่งตั้งประธานคนใหม่เพื่อดูแลการดำเนินงานของธนาคารทั้งสองแห่ง
- ธนาคารดอยซ์แบงก์ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษในปี 2566 สู่ระดับ 0.5% จาก 0.3% ก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ในปีหน้า
- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด แต่รวมเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 และชะลอตัวลงจากระดับ 3.1% ในเดือนส.ค.
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 3% ในวันจันทร์ หลังจากหลายฝ่ายได้ใช้ความพยายามทางการทูตเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่ออุปทานน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.59 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 85.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.33 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 89.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีสัญญาณบวกเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยรายงานระบุว่าผู้นำของสหรัฐ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี เดินทางเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ขณะที่อิสราเอลชะลอการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินในการโจมตีฉนวนกาซาเพื่อเปิดช่องทางการเจรจาทางการทูตสำหรับการปล่อยตัวประกัน
- อินเดียนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 40% ของการนำเข้าน้ำมันทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2566/67 ซึ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งของรัสเซียในฐานะที่เป็นซัพพลายเออร์หลัก ขณะที่โรงกลั่นต่าง ๆ ลดการซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลาง
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้หารือกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลในวันอาทิตย์ (22 ต.ค.) เกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส รวมทั้งสถานการณ์ในฉนวนกาซา โดยปธน.ไบเดนและนายเนทันยาฮูยืนยันว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาจะดำเนินต่อไป
- เจ้าหน้าที่สหรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐสภาเปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) มีแผนจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ “ไอออนโดม” (Iron Dome) จำนวน 2 เครื่องที่ซื้อมาจากอิสราเอลก่อนหน้านี้ คืนให้กับอิสราเอลเพื่อใช้ในปกป้องตนเองจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธ
- นายเมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดของสหรัฐระบุว่า กระทรวงยุติธรรมได้รับรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นต่อชุมชนและสถาบันต่าง ๆ ของชาวยิว, ชาวมุสลิม และชาวอาหรับที่อยู่ในสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
- นายโจนาธาน คอนริคัส โฆษกกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) กล่าวว่า อิสราเอลจะยุติการทำสงครามในฉนวนกาซาก็ต่อเมื่อกลุ่มฮามาสยอมจำนนโดยสิ้นเชิง พร้อมทั้งมีการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล
- แหล่งข่าวจากปาเลสไตน์เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายฝ่ายกำลังใช้ความพยายามเพื่อให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันครั้งใหม่ หลังจากที่มีการปล่อยตัวประกันชาวอเมริกัน 2 รายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.30 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.52 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.00-36.75 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.10-36.40 บาทต่อดอลลาร์
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง