ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง หลังจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐในวันนี้
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 3.28 เหรียญ หรือ 0.17% อยู่ที่ระดับ 1,985.48 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX เหรียญ ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 1,993.50 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.60 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 22.846 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 930.60 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 861.51 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ซื้อสุทธิ 2.02 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 56.13 ตัน
- ราคาทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มพุ่งขึ้นในปี 2567 จากระดับเฉลี่ยของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน และคาดว่าความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะหนุนราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง หลังจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 30 ต.ค.
- สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ทำการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และเทรดเดอร์จำนวน 30 คนในเดือนต.ค.ซึ่งพบว่า ค่ากลางของตัวเลขคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2567 อยู่ที่ 1,986.5 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้นจากระดับคาดการณ์ของปีนี้ที่ 1,925 ดอลลาร์/ออนซ์
- นักวิเคราะห์จากบริษัทฟาสต์มาร์เก็ตส์กล่าวว่า “สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในระยะสั้น แม้เราไม่คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ได้เป็นเวลานาน จนกว่าธนาคารกลางในฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน”
- สภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยรายงาน Gold Demand Trends ไตรมาสที่ 3 พบแรงหนุนทองคำที่ต่อเนื่องจากการซื้อทองคำของธนาคารกลางที่ยังคงสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ดีมานด์รายไตรมาส (ไม่รวมการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์) พุ่งแตะ 1,147 ตัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีถึง 8%
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.3 จุด หรือ -0.28% มาอยู่ที่ระดับ 106.2 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.663% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.996% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.33% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี ขานรับคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,839.08 จุด เพิ่มขึ้น 564.50 จุด หรือ +1.70%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,317.78 จุด เพิ่มขึ้น 79.92 จุด หรือ +1.89%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,294.19 จุด เพิ่มขึ้น 232.72 จุด หรือ +1.78%
- นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนต.ค.
- นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือภาคครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อ โดยการประกาศมาตรการดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่คณะบริหารของนายคิชิดะพยายามพลิกฟื้นความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน หลังจากคะแนนนิยมของรัฐบาลลดน้อยลง
- กิจกรรมภาคการผลิตในยูโรโซนตกต่ำลงอีกในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดสั่งซื้อใหม่หดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลเป็นครั้งแรกในปี 1997 ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ลดลงสู่ระดับ 43.1 ในเดือนต.ค. จากระดับ 43.4 ในเดือนก.ย. ซึ่งดีกว่าขัอมูลเบื้องต้นที่ระดับ 43.0 และต่ำกว่าระดับ 50 ที่แบ่งแยกระหว่างการขยายตัวและการหดตัว
- ผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอาจหดตัวลงในไตรมาสเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส ซึ่งเพิ่มความท้าทายให้แก่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในการถอนนโยบายการเงินผ่อนคลายพิเศษ
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะลุกลามและส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางหรือไม่
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 82.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 86.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2
- ทั้งนี้ สัญญาณบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารรายใหญ่อย่างสหรัฐและอังกฤษเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงสัญญาน้ำมันดิบ หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนมีความกังวลว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงจะส่งผลให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีชาวต่างชาติอย่างน้อย 320 คนจากรายชื่อเบื้องต้นจำนวน 500 คน รวมทั้งชาวกาซาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนหลายสิบคน ได้เดินทางข้ามไปยังประเทศอียิปต์ภายใต้ข้อตกลงระหว่างอิสราเอล อียิปต์ และกลุ่มฮามาส
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเปิดเผยว่า อิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสควรพักรบชั่วคราว เพื่อให้เวลากับการปล่อยตัวประกันที่ถูกคุมขังอยู่ในฉนวนกาซา แต่ไม่ได้สนับสนุนให้มีการหยุดยิงอย่างรูปแบบ
- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สหรัฐไม่เชื่อว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสจะสามารถมีส่วนร่วมในการปกครองฉนวนกาซาในอนาคตได้หลังจากสงครามกับอิสราเอลสิ้นสุดลง
- กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้ทำการคว่ำบาตรบริษัทเมียนมา ออยล์ แอนด์ แก๊ส เอนเตอร์ไพรส์ (MOGE) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของรัฐบาลเมียนมา แต่กระทรวงการคลังสหรัฐไม่ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างเต็มรูปแบบในการตัดท่อน้ำเลี้ยงรายได้จากต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมา
- หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า จีนเห็นพ้องที่จะจัดการเจรจาเรื่องการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยการหารือดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านอาวุธของ 3 ฝ่ายได้แก่สหรัฐ จีน และรัสเซีย แต่ไม่ได้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการจำกัดอาวุธนิวเคลียร์
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.97 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.90-36.10 บาทต่อดอลลาร์
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เผยแนวโน้มสัดส่วนการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของคนไทยลดลง จากแรงกดดันหลายด้าน ทั้งราคา ที่ปรับตัวสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนสูง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยจากข้อมูลในปี 57-65 จำนวนบ้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวเฉลี่ย 2.6% ต่อปี และกระจายตัวออกไปยังปริมณฑลมากขึ้น สอดคล้องตามแนวโน้มการขยายตัวของความเป็นเมือง โดยขนาดครัวเรือนเฉลี่ยเล็กลงไปตามการเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง