ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ปีนี้
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -3.73 เหรียญ หรือ -0.18% อยู่ที่ระดับ 2,059.24 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.60 เหรียญ หรือ 0.08% ปิดที่ 2,073.40 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 13.30 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 23.953 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 10.90 เหรียญ หรือ 1.08% ปิดที่ 998.30 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.57 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 878.54 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 0.57 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 0.57 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.73 จุด หรือ 0.72% มาอยู่ที่ระดับ 102.15 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 3.933% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.324% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.39% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ข้อมูลจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) พบว่า การให้สินเชื่อของภาคธนาคารในยูโรโซนยังคงชะลอตัวในเดือนพ.ย. ซึ่งเพิ่มหลักฐานที่แสดงว่า เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังหยุดชะงักในช่วงปลายปีที่แล้ว
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567 และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% ซึ่งมากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิ้ล หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิ้ล ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,715.04 จุด เพิ่มขึ้น 25.50 จุด หรือ +0.07%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,742.83 จุด ลดลง 27.00 จุด หรือ -0.57%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,765.94 จุด ลดลง 245.41 จุด หรือ -1.63%
- หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส รายงานว่า การท่องเที่ยวในจีนเฟื่องฟูในช่วงวันหยุดปีใหม่ 3 วัน โดยตัวเลขการเดินทางในประเทศมีจำนวนมากถึง 135 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 155% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.973 หมื่นล้านหยวน
- ประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิงของจีนกล่าวว่า จีนจะสร้างความแข็งแกร่งและส่งเสริมทิศทางเชิงบวกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ และรักษาการพัฒนาทางเศรษฐกิจระยะยาวให้ยั่งยืนด้วยการปฏิรูปแบบเชิงลึกมากขึ้น โดยจีนจะปฏิรูปเชิงลึกมากขึ้นเพื่อหนุนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ
- สถาบันดัชนีจีน (CIA) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ราคาบ้านใหม่ของจีนเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งนี้ ราคาบ้านใหม่ของจีนปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 0.1% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.05% ในเดือนพ.ย.
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- เจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่า รัสเซียกระหน่ำยิงมิสไซล์ใส่กรุงเคียฟและคาร์คีฟ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลั่นวาจาว่าจะล้างแค้นกรณีที่ยูเครนโจมตีเมืองเบลโกรอดของรัสเซียจนมีพลเรือนเสียชีวิต 24 ราย
- สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) รายงานว่า เกาหลีเหนือให้คำมั่นที่จะปล่อยดาวเทียมสอดแนมอีก 3 ดวง รวมทั้งสร้างโดรนเพื่อปฏิบัติการทางทหาร และเพิ่มคลังแสงนิวเคลียร์ในปี 2567 ในขณะที่นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือระบุว่า นโยบายของสหรัฐทำให้สงครามเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
- กองทัพอิสราเอลเริ่มถอนรถถังบางส่วนออกจากฉนวนกาซา หลังประกาศแผนการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และลดจำนวนทหาร แต่ยังคงมีการสู้รบในพื้นที่อื่น ๆ ในฉนวนกาซา รวมถึงการทิ้งระเบิดที่รุนแรง
- สำนักข่าวตัสนีม (Tasnim) ของอิหร่านรายงานว่า อิหร่านได้ส่งเรือรบอัลบอร์ซ (Alborz) เข้าสู่ทะเลแดงแล้วในขณะนี้ หลังจากกองทัพเรือสหรัฐได้ทำลายเรือ 3 ลำของกลุ่มกบฏฮูตีซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุน โดยความเคลื่อนไหวของอิหร่านมีแนวโน้มที่จะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในทะเลแดงทวีความรุนแรงมากขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในทะเลแดงอย่างใกล้ชิด หลังจากสื่อรายงานว่าอิหร่านได้ส่งเรือรบอัลบอร์ซ (Alborz) เข้าสู่ทะเลแดง ซึ่งจะเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 75.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- นักวิเคราะห์จากบริษัท Lipow Oil Associates แสดงความเห็นว่า “ตลาดมองว่านับจนถึงขณะนี้สถานการณ์ในทะเลแดงยังไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน และคาดว่าสถานการณ์ยังไม่ตึงเครียดจนนำไปสู่การเผชิญหน้ากันระหว่างเรือรบของอิหร่านและเรือรบของสหรัฐ อย่างไรก็ดี เราคาดว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นทันที หากทั้งสองฝ่ายมีการยิงกัน”
- ผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่า คาดว่าราคาน้ำมันโลกจะเคลื่อนตัวใกล้ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจะสกัดกั้นอุปสงค์ แต่สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์อาจเป็นปัจจัยหนุน
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดเช้านี้ ที่ระดับ 34.29 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.40 บาทต่อดอลลาร์
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เผยหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนต.ค. อยู่ที่ 11.132 ล้านล้านบาท คิดเป็น 61.88% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทย ในปี 2566 ลงเหลือ 2.5% จากที่เคยประเมินไว้ล่าสุดเมื่อเดือนต.ค.66 ที่ระดับ 3% โดยมีสาเหตุสำคัญจาก GDP ไตรมาส 3/66 ขยายตัวได้เพียง 1.9% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้, จำนวนนักท่องเที่ยวจีน ฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด, แรงขับเคลื่อนทางการคลังที่ลดลง จากผลของการที่ยังไม่มี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จึงทำให้การใช้จ่ายในส่วนของการอุปโภค-บริโภค และการลงทุนภาครัฐยังไม่เกิดขึ้น
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมเดือนธ.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 49.1 ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนพ.ย. 66 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 49.0 โดยความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อ ผลประกอบการ และการผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ด้านการจ้างงาน และการลงทุนปรับลดลง
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง