ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ หลังจากนักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -7.96 เหรียญ หรือ -0.39% อยู่ที่ระดับ 2,021.66 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 7.10 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,022.20 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 41.50 เซนต์ หรือ 1.83% ปิดที่ 22.296 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 903.00 ดอลลาร์/ออนซ์
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.02 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 858.93 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 20.18 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 20.18 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.11 จุด หรือ 0.11% มาอยู่ที่ระดับ 103.35 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.107% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง 0.0 % มาอยู่ที่ระดับ 4.393% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.29% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- นายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟด สาขาชิคาโกกล่าว เฟดจำเป็นจะต้องได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจอีกเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ ก่อนที่เฟดจะตัดสินใจใด ๆ ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเขากล่าวเสริมว่า เฟดจำเป็นจะต้องเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2%
- แมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโกกล่าว ยังคงต้องจับตาดูอย่างมากในด้านภาวะเงินเฟ้อ และขณะนี้ยังคงเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้
- นักลงทุนได้เลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้จากเดือนมี.ค.ออกไปเป็นเดือนพ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด และเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
- ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 55.7% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 52.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 31 เม.ย.-1 พ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 17.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- ธนาคารเจ.พี.มอร์แกนคาดการณ์ในวันศุกร์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. แทนที่จะเป็นเดือนก.ย.เหมือนอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
- นักเศรษฐศาสตร์ของเจ.พี.มอร์แกนระบุว่า "เราคาดว่าอีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง แต่ไม่ถึง 5 ครั้งในปีนี้ โดยเราคาดว่าอีซีบีจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. และหลังจากนั้นอีซีบีก็จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบติดต่อกันตั้งแต่เดือนก.ย.
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.45% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 4.20% ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
- นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยคาดว่า BOJ ต้องการประเมินความแข็งแกร่งของการปรับขึ้นค่าจ้างและผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในพื้นที่ภาคกลางของญี่ปุ่นเมื่อวันปีใหม่
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยดาวโจนส์และ S&P500 ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ รวมทั้งรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,001.81 จุด เพิ่มขึ้น 138.01 จุด หรือ +0.36%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,850.43 จุด เพิ่มขึ้น 10.62 จุด หรือ +0.22%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,360.29 จุด เพิ่มขึ้น 49.32 จุด หรือ +0.32%
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือระดับ 38,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทผลิตชิปที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดียที่ดีดตัวขึ้น 0.3% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป คือสองปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นความคาดหวังในทางบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐในปี 2024
- มูดี้ส์คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4% ในปี 2567 และ 2568 จากระดับเฉลี่ย 6% ในช่วงปี 2557-2566 ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
- แบล็คร็อค อิงค์ บริษัทบริหารสินทรัพย์จากนิวยอร์ก เตรียมขายอาคารสำนักงานในนครเซี่ยงไฮ้โดยลดราคาลงราว 30% จากราคาซื้อเดิม สะท้อนให้เห็นถึงภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ซบเซาในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน
- วาณิชธนกิจหลายแห่งคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2567 จะชะลอตัวลงจากระดับปี 2566 เนื่องจากคาดว่าวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างต่อเนื่องในปีนี้
- เมย์แบงก์ อินเวสต์เมนต์ แบงกิง กรุ๊ป ระบุว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น, ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น, การผลิตที่ปรับตัวขึ้น และการที่บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (TSMC) เพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในสัปดาห์ที่ผ่านมาล้วนส่งสัญญาณว่า ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มจะกระเตื้องขึ้นในปีนี้
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยว่า พบบอลลูนจีนเพิ่มอีก 6 ลูกที่ลอยข้ามช่องแคบไต้หวัน โดยมีลูกหนึ่งที่ลอยข้ามเกาะไต้หวัน นับเป็นการตรวจพบครั้งล่าสุดจากบอลลูนจำนวนมากที่กระทรวงฯพบตลอดระยะเวลา 1 เดือนครึ่ง
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า EU เตรียมเปิดตัวข้อเสนอใหม่ที่ว่านี้ในวันพุธ (24 ม.ค.) ซึ่งมีกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอำนาจในการคัดกรองและสกัดกั้นการลงทุนจากต่างชาติในอุตสาหกรรมที่ละเอียดอ่อน ซึ่งครอบคลุมถึงบริษัทที่ควบคุมดูแลโดยต่างชาติภายในประเทศสมาชิกของกลุ่ม EU
- รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า การปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐเพื่อขัดขวางกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เช่น กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน จำเป็นต้องใช้เวลา และคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะมีประกาศมาตรการเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้
- นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ปฏิเสธข้อเสนอเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันที่กลุ่มฮามาสได้เสนอไว้ล่าสุด โดยระบุว่า เงื่อนไขของข้อเสนอดังกล่าวไม่อาจยอมรับได้ แม้ตัวเขาเองถูกสังคมกดดันให้เร่งนำตัวประกันกลับบ้านโดยเร็ว
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ หลังจากมีรายงานว่ากองทัพยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงงานน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงานในตลาดโลก
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 75.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 80.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่า กองทัพยูเครนได้ส่งโดรนโจมตีโรงงานน้ำมันของบริษัทโนวาเทก (Novatek) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางบริษัทตัดสินใจระงับการดำเนินงานที่สถานีส่งออกเชื้อเพลิงอุสต์-ลูกา (Ust-Luga) ในทะเลบอลติก
- นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า สภาพอากาศที่หนาวจัดทั่วสหรัฐกำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบในรัฐนอร์ทดาโคตาและรัฐอื่น ๆ ของสหรัฐ โดยหน่วยงานกำกับดูแลท่อส่งน้ำมันของรัฐนอร์ทดาโคตาเปิดเผยว่า ทางรัฐได้ปิดสายการผลิตน้ำมันประมาณ 20% เมื่อวานนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นสุดขั้ว
- รัสเซียเบียดซาอุดีอาระเบียกลายเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของจีนในปี 2566 เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก เดินหน้าซื้อน้ำมันที่รัสเซียลดราคาอย่างต่อเนื่อง แม้รัสเซียถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรเพื่อลงโทษต่อกรณีที่รุกรานยูเครนก็ตาม
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 35.65 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 35.62 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 35.50 บาท แนวต้าน 35.80 บาท
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง