ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -26.16 เหรียญ หรือ -1.3% อยู่ที่ระดับ 1,992.87 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 25.80 เหรียญ หรือ 1.27% ปิดที่ 2,007.20 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 61.30 เซนต์ หรือ 2.69% ปิดที่ 22.154 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 18.20 เหรียญ หรือ 2.03% ปิดที่ 878.90 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 840.48 ตันภาพรวมเดือนกุมภาพันธ์ ขายสุทธิ 12.11 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 40.07 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.66 จุด หรือ 0.63% มาอยู่ที่ระดับ 104.84 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.14 % มาอยู่ที่ระดับ 4.314% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.17 % มาอยู่ที่ระดับ 4.66% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.35% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- คณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ECB กำลังหารือกันว่า จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ และเมื่อใด ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัว และเศรษฐกิจที่ชะงัก โดย นายปิเอโร ซิโปลโลน กรรมการบริหารอีซีบี กล่าวว่า อีซีบีไม่จำเป็นต้องทำให้เศรษฐกิจในยูโรโซนชะลอตัวลงมากกว่านี้ เพื่อทำให้เงินเฟ้อควบคุมได้อีก
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้ว่า ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ควรดำเนินการอย่างระมัดระวังในการปรับลดดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อลดลงในหลายประเทศแล้ว และดูเหมือนว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เป็นเรื่องสำคัญที่ธนาคารกลางต้องดำเนินการลดดอกเบี้ยอย่างระวัง ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุน
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.ตามที่คาดการณ์ไว้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,272.75 จุด ลดลง 524.63 จุด หรือ -1.35%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,953.17 จุด ลดลง 68.67 จุด หรือ -1.37%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,655.60 จุด ลดลง 286.95 จุด หรือ -1.80%
- ผลสำรวจของ Bank of America พบว่า นักลงทุนลดระดับการถือครองเงินสดลงสู่ 4.2% จาก 4.8% และเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นทั่วโลกขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนไม่คาดการณ์อีกต่อไปว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเม.ย. 2022
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.9% จากระดับ 3.4% ในเดือนธ.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.9% ในเดือนธ.ค.
- ทั้งนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนม.ค. นักลงทุนได้เลื่อนการคาดการณ์ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นเดือนมิ.ย. จากเดิมที่คาดว่าจะปรับลดในเดือนพ.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 36.1% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 58% ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI พร้อมกับให้น้ำหนัก 74.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
- ผลสำรวจรอยเตอร์ เปิดเผยว่า นักยุทธศาสตร์คาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ 4.17% ในช่วงนี้ จะทรงตัวในอีก 1 - 3 เดือนข้างหน้า ก่อนจะร่วงลงสู่ 3.87% ในช่วงสิ้นเดือน ก.ค. และร่วงลงสู่ 3.75% ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. และเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรุนแรงในปี 2024 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปี ซึ่งอยู่ที่ระดับราว 4.47% ในปัจจุบัน อาจจะดิ่งลงสู่ 3.92% ภายในช่วงสิ้นเดือนก.ค. และอาจจะรูดลงต่อไปสู่ 3.47% ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (13 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่สูงเกินคาดอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 77.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 82.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ราคาน้ำมันได้แรงหนุนโดยมีความขัดแย้งในตะวันออกกลางเป็นแรงกระตุ้นให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นในวงจำกัด
- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนก.พ. โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะขยายตัว 2.25 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 และ 1.85 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานที่มีการเปิดเผยในเดือนม.ค.
- นอกจากนี้ โอเปกเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 350,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค. สู่ระดับ 26.34 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ประเทศสมาชิกทำการปรับลดกำลังการผลิตตามสมัครใจ
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ
- นักวิเคราะห์จากบริษัท Again Capital กล่าวว่า “การที่สหรัฐปฏิเสธข้อเสนอการหยุดยิงของปธน.ปูตินถือเป็นการตอกย้ำว่าจะยังไม่มีการทำข้อตกลงการหยุดหยิงในระยะใกล้นี้ และสันติภาพจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่ายูเครนจะได้ในสิ่งที่ต้องการ นอกจากนี้ มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐบังคับใช้กับรัสเซียนั้น กำลังเริ่มปรากฎให้เห็น หลังจากหลายประเทศพากันหลีกเลี่ยงการนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย”
- นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า เศรษฐกิจรัสเซียกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก เนื่องจากภาวะสงครามทำให้ประชากรที่มีคุณภาพย้ายถิ่นฐานออกนอกประเทศ และรัสเซียสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้น้อยลง อันเนื่องมาจากการถูกคว่ำบาตร
- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนเรียกร้องให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารโดยเร็วที่สุด และป้องกันไม่ให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายไปกว่านี้ในเมืองราฟาห์ของฉนวนกาซา
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.10 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงหนัก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.71 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.95-36.15 บาทต่อดอลลาร์
- ม.หอการค้าไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 67 จะเติบโตได้ราว 3.0-3.5% เนื่องจากมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่หากรัฐบาลสามารถดำเนินโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตได้เป็นรูปธรรม จะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ มีโอกาสเติบโตได้มากกว่า 4%
- สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 1 ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ โดยให้ปรับวงเงินการก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 560,276 แสนล้านบาท จากเดิม 194,434 ล้านบาท มาเป็น 754,710 ล้านบาท โดยยืนยันว่า การก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้ใช้สำหรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต แต่เป็นการใช้สำหรับโครงการต่างๆของรัฐบาลอีก 56 โครงการ
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง