ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -0.4 เหรียญ หรือ -0.02% อยู่ที่ระดับ 2,383.1 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 24.80 เหรียญ หรือ 1.04% ปิดที่ 2,407.80 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 34.1 เซนต์ หรือ 1.19% ปิดที่ 28.376 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 5.80 เหรียญ หรือ 0.59% ปิดที่ 975.20 เหรียญ
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 12.70 เหรียญ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,031.20 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.73 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 830.18 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 0.03 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 48.93 ตัน
- ราคาทองคำปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น หลังจากพลโทเฮอร์ซี ฮาเลวี เสนาธิการกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) ส่งสัญญาณว่า อิสราเอลจะทำการตอบโต้อิหร่าน หลังจากอิหร่านใช้โดรนและขีปนาวุธหลายร้อยตัวโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 เม.ย.)
- นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มทะยานขึ้นแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 6-18 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ทองคำเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงแล้วในขณะนี้ พร้อมกับปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำขึ้นสู่ระดับ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปี 2567 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.15 จุด หรือ 0.14% มาอยู่ที่ระดับ 106.32 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.67% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.989% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.32% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- Powell กล่าวว่ายังไม่ประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ที่เป้าหมาย 2% และข้อมูลล่าสุดไม่ได้เสริมความมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น เนื่องจากเงินเฟ้อยังไม่ลดลงมากพอ Powell จึงระบุว่าเฟดต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันไว้ต่อไป จนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลงสู่เป้าหมาย
- คำพูดของ Powell ลดความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยนักลงทุนปรับการคาดการณ์ลงเหลือเพียง 1 - 2 ครั้งเท่านั้น Powell ระบุว่าเฟดสามารถคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันต่อไปได้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อให้นโยบายการเงินที่เข้มงวดช่วยลดเงินเฟ้อลงตามเป้าหมาย โดยจะรอข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างมั่นคงก่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศตรีงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 4.00% ตามเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 11 เม.ย. แต่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 6 มิ.ย. ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงในสหรัฐอาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามอีซีบีก็ตาม
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,798.97 จุด เพิ่มขึ้น 63.86 จุด หรือ +0.17%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,051.41 จุด ลดลง 10.41 จุด หรือ -0.21%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,865.25 จุด ลดลง 19.77 จุด หรือ -0.12%
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนลดลง 9.5% ในไตรมาส 1/2567 หลังจากที่ลดลง 9% ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว นอกจากนี้ NBS ระบุว่า ราคาบ้านใหม่ของจีนในเดือนมี.ค.ลดลง 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 8 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558
- การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.ของจีนปรับตัวขึ้น 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ส่วนในไตรมาส 1/2567 การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 5.3% ในไตรมาส 1/2567 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 4.6% และดีกว่าในไตรมาส 4/2566 ที่มีการขยายตัว 5.2%
- นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมพร้อมที่จะใช้มาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อรับมือกับตลาดปริวรรตเงินตราที่มีความผันผวนมากเกินไปในขณะนี้ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของนายซูซูกิมีขึ้นไม่นานหลังจากเงินเยนร่วงลงหลุดจากระดับ 154 เยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สู่ระดับ 154.45 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 34 ปี
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 85.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.08% ปิด 90.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ในช่วงแรกนั้น ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 86 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยราคาน้ำมัน WTI อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
- สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล
- นักวิเคราะห์จากบริษัท ING Groep NV ในสิงคโปร์กล่าวว่า “ขณะนี้นักลงทุนจับตาท่าทีของอิสราเอลอย่างใกล้ชิด โดยหากอิสราเอลใช้ปฏิบัติการตอบโต้อิหร่านก็อาจจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาด เนื่องจากอิหร่านเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสามารถผลิตน้ำมันดิบได้มากกว่า 3 ล้านบาร์เรล/วัน”
ข่าวเกี่ยวกับการเมือง
- บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น หลังอิหร่านปฏิบัติการโจมตีตอบโต้อิสราเอล
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.69 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.60 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันพฤหัสฯ ที่ 11 เมษายน) มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.45-37.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.55-36.85 บาทต่อดอลลาร์
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง