สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ
ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 8.24 เหรียญ หรือ 0.36% อยู่ที่ระดับ 2,324.65 เหรียญ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 28.20 ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ 2,354.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.036 ดอลลาร์ หรือ 3.54% ปิดที่ 30.267 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 12.10 ดอลลาร์ หรือ 1.26% ปิดที่ 971.00 ดอลลาร์/ออนซ์
กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 830.77 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ขายสุทธิ 1.44 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 48.34 ตัน
ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.58 จุด หรือ -0.55% มาอยู่ที่ระดับ 104.69 จุด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 4.318% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.752% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.43% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
FOMC ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25%-5.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษ นับเป็นการประชุมครั้งที่ 7 ติดต่อกัน แถลงการณ์กล่าวซ้ำประโยคก่อนหน้านี้ว่า FOMC ไม่คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย "จนกว่าจะได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวอย่างยั่งยืนไปที่ 2%"
โดย Dot Plot ของเฟดแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปี 2024 ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์รายไตรมาสรอบก่อนหน้าในเดือนมีนาคมที่เฟดคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับปี 2025 คณะกรรมการเพิ่มกคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็น 4 ครั้ง เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ 3 ครั้งในเดือนมีนาคม
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า แม้เงินเฟ้อชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงเกินไป และการคาดการณ์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากแนวโน้มที่เงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% นั้น มีความล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
นักเศรษฐศาสตร์จากบลูมเบิร์ก (Bloomberg Economics) กล่าวว่า Dot Plot ที่ออกแนวสายเหยี่ยวกว่าที่คาดไว้แสดงให้เห็นว่ามีสมาชิก FOMC จำนวนมากขึ้นที่เชื่อว่าอัตราจะต้องอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกนาน เพื่อที่จะนำอัตราเงินเฟ้อกลับลงสู่เป้าหมาย 2%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ โดยตลาดถูกกดดันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,712.21 จุด ลดลง 35.21 จุด หรือ -0.09%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,421.03 จุด เพิ่มขึ้น 45.71 จุด หรือ +0.85%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,608.44 จุด เพิ่มขึ้น 264.89 จุด หรือ +1.53%
อัตราเงินเฟ้อของจีนทรงตัวในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลงช้าลง แต่แนวโน้มพื้นฐานบ่งชี้ว่า จีนจะต้องดำเนินการมากกว่านี้เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน อย่างไรก็ดี ความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปไกลถึงเดือนธ.ค.ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดช่วงบวก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 0.83% ปิดที่ 82.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้ว่าสงครามในตะวันออกกลางยังไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม แต่การที่นักลงทุนมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงนั้นได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.62 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.69 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.45-36.70 บาท/ดอลลาร์
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี โดย 1 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี พร้อมคงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทยในปีนี้ไว้ 2.6% และปี 2568 ที่ 3.0% ตามเดิม
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง