• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2567

    18 กรกฎาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน

  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -9.07 เหรียญ หรือ -0.37% อยู่ที่ระดับ 2,458.75 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 7.90 เหรียญ หรือ 0.32% ปิดที่ 2,459.90 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.081 เหรียญ หรือ 3.44% ปิดที่ 30.377 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 3.40 เหรียญ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,008.10 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 842.02 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ซื้อสุทธิ 12.97 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 37.09 ตัน

  • นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2,480 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ ขานรับคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ย.

  • เดวิด เมเกอร์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจากบริษัท High Ridge Futures กล่าวว่า การที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. รวมทั้งการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ เป็นปัจจัยหนุนสัญญาทองคำพุ่งขึ้นทำนิวไฮในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดอ่อนแรงลงเนื่องจากแรงขายทำกำไร

  • J.P. Morgan ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายทองคำ โดยคาดว่าจะแตะ $2,500 ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปี 2024 ประมาณการนี้อิงจากคาดการณ์ที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายน แตกต่างจากตลาดที่คาดการณ์ว่าจะลดในเดือนกันยายน แม้มีความเสี่ยงที่ทองคำจะปรับตัวลดลงในระยะสั้น แต่ J.P. Morgan มองว่าแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว ยังคงแข็งแกร่ง

  • เหตุผลที่ J.P. Morgan ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายทองคำ อ้างอิงจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจฉบับปรับปรุงใหม่ โดยคาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ จะลดลงเหลือ 3.5% ในปี 2024 และ 2.6% ในปี 2025 

  • ความต้องการซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง โดยข้อมูลไตรมาส 1 ปี 2024 มีปริมาณซื้อสุทธิ 290 ตัน ซึ่งเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่งอันดับ 4 นับตั้งแต่ธนาคารกลางเริ่มเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 

  • ความต้องการทองคำจากนักลงทุนบุคคลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะมีการกลับเข้าซื้อกองทุน ETF (Exchange Traded Funds) ประเภททองคำอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.57 จุด หรือ -0.55% มาอยู่ที่ระดับ 103.69 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.159% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง 0.0 % มาอยู่ที่ระดับ 4.44% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.28% อยู่ในภาวะ inverted yield curve

  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในสหรัฐเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มต้นเตรียมการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง "ได้อย่างสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก" แต่การที่ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่งแสดงให้เห็นว่า เฟดไม่ควรจะรีบร้อนตัดสินใจในเรื่องนี้ 

  • นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด ส่งสัญญาณว่า เฟดเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ตราบใดที่ไม่มีเรื่องที่จะสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับเงินเฟ้อและการจ้างงาน

  • อดีตเจ้าหน้าที่เฟด คาปลาน สาขาดัลลัส คาดการณ์เฟด มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยลงในเดือนกันยายน เนื่องจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่คลี่คลายลง แต่การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ อาจจะไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเต็มรูปแบบ

  • อดีตผู้อำนวยการบริหารของธนาคารกลาง BOJ กล่าวว่าน่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ แต่จะลดการซื้อพันธบัตรมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อป้องกันเงินเยนอ่อนค่าลง

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

 

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริษัทผลิตชิป

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,198.08 จุด เพิ่มขึ้น 243.60 จุด หรือ +0.59%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,588.27 จุด ลดลง 78.93 จุด หรือ -1.39% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,996.92 จุด ลดลง 512.42 จุด หรือ -2.77%

  • นักวิเคราะห์ออกโรงเตือนว่า หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 อาจจุดชนวนเงินเฟ้อพุ่งสูงทั่วโลกอีกครั้ง เนื่องจากนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ของเขา จะทำให้ต้นทุนทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น

  • รายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ซึ่งระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนขยายตัวเพียง 4.7% ในไตรมาส 2/2567 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.1% และชะลอตัวลงจากไตรมาส 1/2567 ที่มีการขยายตัว 5.3%

  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 5% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 4.6% โดยระบุว่า การปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจจีนเป็นผลมาจากการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนที่ฟื้นตัวขึ้น รวมถึงการส่งออกที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปีนี้

  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 0.7% จากเดิม 0.5% โดยคาดว่าการปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจจะเป็นผลดีต่อรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยข้อมูลว่า อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือนมิ.ย. 2567 ทรงตัวที่กรอบเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 1.9% และสอดคล้องกับตัวเลขของเดือนพ.ค.ที่ 2%

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งปัจจัยบวกการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.09 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 82.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 85.08 ดอลลาร์/บาร์เรล

  • สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะลดลงเพียง 30,000 บาร์เรล และมากกว่าที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  35.92 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.89 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.10 บาทต่อดอลลาร์

  • รมว.คลัง ชี้แจงถึงกรณีที่มีการมองว่าการกู้เงินเพื่อทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการสร้างภาระหนี้ให้กับประเทศว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยหดตัวอย่างต่อเนื่อง หากรัฐบาลไม่ทำอะไรเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ วิกฤติเศรษฐกิจก็จะมาแน่ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนมิ.ย.67 อยู่ที่ 87.2 ลดลงจาก 88.5 ในเดือนพ.ค.67 โดยดัชนีฯ ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และค่าดัชนีฯ ต่ำสุดในรอบ 24 เดือน ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้า ลดลงต่ำสุดในรอบ 33 เดือน

  • กองทนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งในปี 2567 และ 2568 โดยระบุว่า เศรษฐกิจของไทยในปี 2567 จะขยายตัว 2.9% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 2.7% และคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัว 3.1% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.9%


 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com