• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2567

    25 กรกฎาคม 2567 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -10.93 เหรียญ หรือ -0.45% อยู่ที่ระดับ 2,397.85 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 8.40 เหรียญ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,415.70 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.5 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 29.316 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 13.80 เหรียญ หรือ 1.44% ปิดที่ 969.60 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 841.74 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ซื้อสุทธิ 12.69 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 37.37 ตัน


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Metals กล่าวว่า ตลาดทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐยังทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย


  • คริส แกฟนีย์ ประธานบริษัท EverBank กล่าวว่า ตลาดทองคำยังได้ปัจจัยบวกการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และข่าวที่ว่าอินเดียปรับลดภาษีนำเข้าทองคำและโลหะเงินก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.1 จุด หรือ -0.1% มาอยู่ที่ระดับ 104.37 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.288% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.433% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.15% อยู่ในภาวะ inverted yield curve


  • Paul Krugman  นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล มองว่าการที่เฟดจะตัดสินใจลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน "ไม่น่าจะส่งผลกระทบสำคัญ" ต่อผลการเลือกตั้ง เนื่องจากนโยบายการเงินมักใช้เวลาในการส่งผลต่อเศรษฐกิจจริง โดยอธิบายว่า ผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะปรากฏให้เห็นชัดเจน หลังจากการเลือกตั้งไปแล้วหลายเดือน ทำให้การตัดสินใจของเฟดครั้งนี้ แทบจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง


  • นายนีล ดัตตา หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจของบริษัทเรอเนสซองส์ แมคโครระบุว่า "เฟดควรจะยอมรับอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงมาแล้ว" และเขาตั้งข้อสังเกตว่า องค์ประกอบบางอันของภาวะเงินเฟ้อที่เคยสร้างความกังวลให้แก่เจ้าหน้าที่เฟดดูเหมือนว่าได้ชะลอตัวลงมาแล้วด้วย ซึ่งรวมถึงมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อในภาคที่อยู่อาศัยอันใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อในภาคนี้ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว และค่าเช่าร่วงลงในไตรมาสสอง


  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของธนาคารยูบีเอสกล่าวว่า "เราคาดว่าเฟดจะปรับลดกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.และในการประชุมเดือนธ.ค. ยกเว้นแต่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงเกินคาด


  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงสัญญาณของ ‘Goldilocks’ เป็นสถานการณ์ที่ "พอดี" ไม่มากหรือน้อยเกินไปในช่วงเริ่มต้นไตรมาสที่สาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแสดงสัญญาณการเติบโตที่ยืดหยุ่นในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลง


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพุธ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ หลังจากบริษัทอัลฟาเบทและเทสลาเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,853.87 จุด ลดลง 504.22 จุด หรือ -1.25%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,427.13 จุด ลดลง 128.61 จุด หรือ -2.31% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,342.41 จุด ลดลง 654.94 จุด หรือ -3.64%


  • กิจกรรมทางธุรกิจในอังกฤษกระเตื้องขึ้นในเดือนก.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากภาคโรงงานอังกฤษที่เติบโตในเดือนก.ค.ในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี และจากยอดสั่งซื้อใหม่ที่พุ่งขึ้นเร็วสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2023 ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) โดยรวมขั้นต้นของอังกฤษ พุ่งขึ้นจาก 52.3 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 6 เดือน สู่ 52.7 ในเดือนก.ค.


  • คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) ซึ่งเป็นหน่วยงานวางแผนของรัฐบาลจีนระบุในวันอังคารว่า NDRC จะสนับสนุนให้บริษัทคุณภาพสูงของจีนกู้เงินระยะกลางและระยะยาวจากต่างประเทศ เพื่อจะได้สนับสนุนการพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงของจีน

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินลดลงมากกว่าคาด อย่างไรก็ดี ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.86% ปิดที่ 81.71 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล


  • ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 400,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 250,000 บาร์เรล


  • อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในช่วงฤดูร้อน โดยมีการคาดการณ์ว่าโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในสหรัฐจะรายงานผลประกอบการลดลงอย่างมากในไตรมาส 2/2567 หลังจากความซบเซาของฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนได้ส่งผลให้กำไรเบื้องต้น (refining margins) ชะลอตัวลง


  • นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันในระหว่างวัน หลังมีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา รวมทั้งความกังวลว่าการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอ่อนแอลงด้วย


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน มีแนวโน้มที่จะยกระดับการทำสงครามการค้ากับจีน และอาจใช้นโยบายการแยกเศรษฐกิจ (Economic Decoupling Policy) ออกจากจีน หากเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง โดยนโยบายดังกล่าวเป็นแนวคิดการแยกเศรษฐกิจและห่วงโซ่การผลิตออกจากจีนอย่างสิ้นเชิง โดยมีเป้าหมายที่จะลดการพึ่งพาจีน


  • นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวโจมตีนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ในระหว่างการหาเสียงครั้งแรกของเธอ โดยผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า นางแฮร์ริสมีคะแนนนำนายทรัมป์เล็กน้อย 2% โดยนางแฮร์ริสให้คำมั่นว่า หากได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เธอจะขยายการเข้าถึงการทำแท้ง ช่วยให้คนงานเข้าร่วมกับสหภาพแรงงาน รวมถึงแก้ปัญหาความรุนแรงของการใช้อาวุธปืน ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับนายทรัมป์


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  36.12 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.16 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.95-36.20 บาทต่อดอลลาร์ 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com