• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 26 กรกฎาคม 2567

    26 กรกฎาคม 2567 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -33.35 เหรียญ หรือ -1.39% อยู่ที่ระดับ 2,364.5 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 62.20 ดอลลาร์ หรือ 2.57% ปิดที่ 2,353.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.34 ดอลลาร์ หรือ 4.57% ปิดที่ 27.975 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 23.90 ดอลลาร์ หรือ 2.46% ปิดที่ 945.70 ดอลลาร์/ออนซ์


  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 3.45 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 845.19 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ซื้อสุทธิ 16.14 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 33.92 ตัน

 

  • นักวิเคราะห์จากบริษัท Marex และหัวหน้าฝ่ายการลงทุนจากบริษัท High Ridge Futures แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า การร่วงลงของราคาทองคำเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา และขณะนี้นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่รายงานดัชนี PCE ของสหรัฐ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

  • โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ราคาทองอาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีนี้ โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมในโพลล์เมื่อสามเดือนก่อน เพราะในโพลล์ครั้งที่แล้วนั้น นักวิเคราะห์คาดว่าค่าเฉลี่ยของราคาทองอาจจะอยู่ที่ระดับเพียง 2,190 ดอลลาร์ในปีนี้

  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ธนาคารกลางจะยังคงเข้าซื้อทองในปริมาณมากต่อไป และคาดว่าจะยังคงมีเงินลงทุนไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองต่อไป อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กังวลว่า ความต้องการซื้อทองของผู้ซื้อบางกลุ่มอาจจะได้รับผลกระทบจากราคาทองที่ระดับสูง 

 

  • นักยุทธศาสตร์การลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทวิสดอมทรี กล่าวว่า "ความต้องการซื้อทองเพื่อใช้ทำเครื่องประดับและความต้องการซื้อทองของนักลงทุนรายย่อยอาจจะยังคงมีความอ่อนไหวต่อราคา ดังนั้นถ้าหากราคาทองพุ่งสูงขึ้น อุปสงค์ทองในส่วนนี้ก็อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนได้"

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.02 จุด หรือ -0.02% มาอยู่ที่ระดับ 104.35 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.245% นขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.0 % มาอยู่ที่ระดับ 4.435% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.19% อยู่ในภาวะ inverted yield curve

 

  • เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปี 2022 และ 2023 ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งช่วยหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ดี นักเศรษฐศาสตร์มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะสมดุล อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงทำให้มีแนวโน้มว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 2/2567 แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

 

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,935.07 จุด เพิ่มขึ้น 81.20 จุด หรือ +0.20%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,399.22 จุด ลดลง 27.91 จุด หรือ -0.51% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,181.72 จุด ลดลง 160.69 จุด หรือ -0.93%

 

  • นักเศรษฐศาสตร์มองว่าหากทรัมป์ชนะ อัตราเงินเฟ้อจะฟื้นตัว และเฟดจะระมัดระวังมากขึ้น นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากมองว่านโยบายภาษีของทรัมป์ ควบคู่ไปกับเป้าหมายด้านแรงงานต่างด้าวหลายล้านคน และความเป็นไปได้ที่จะเกิดการขาดดุลเพิ่มขึ้น จะยิ่งทำให้แรงกดดันด้านราคากลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้กำลังคลี่คลายลง และอาจผลักดันให้เฟดตอบสนองด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกว่าที่เคยกำหนดไว้

 

  • สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนี PCE ประจำเดือนมิ.ย.ในวันนี้ เวลาประมาณ 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

 

  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.6% ในเดือนพ.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.6% ในเดือนพ.ค.



 

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2/2567 ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย

 

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.89% ปิดที่ 78.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.81% ปิดที่ 82.37 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

  • ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2567 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.8% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.1% 

 

  • อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการนำเข้าน้ำมันของจีนที่ชะลอตัวลง โดยข้อมูลของรัฐบาลจีนบ่งชี้ว่า การนำเข้าน้ำมันและการกลั่นน้ำมันของจีนในปีนี้มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2566 เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลงท่ามกลางภาวะซบเซาของเศรษฐกิจภายในประเทศ

 

  • ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในสหรัฐจะรายงานผลประกอบการลดลงอย่างมากในไตรมาส 2/2567

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดัน มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.10-36.35 บาท/ดอลลาร์  แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมบ้าง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ธีม US Exceptionalism รวมถึงภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด (Risk-Off) อาจยังคงช่วยหนุนเงินดอลลาร์ในช่วงนี้

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com