• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2567

    16 สิงหาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้ปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 7.9 เหรียญ หรือ 0.32% อยู่ที่ระดับ 2,456.1 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.70 เหรียญ หรือ 0.51% ปิดที่ 2,492.40 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.489 เหรียญ หรือ 5.45% ปิดที่ 28.828 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 35.50 เหรียญ หรือ 3.82% ปิดที่ 965.10 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 2.02 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 847.78 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ซื้อสุทธิ 1.73 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 31.33 ตัน


  • อย่างไรก็ดี ราคาทองคำลดช่วงบวก- หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่สูงเกินคาดและข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นและสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อีกทั้งทำให้นักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย.


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.41 จุด หรือ 0.4% มาอยู่ที่ระดับ 103.03 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 3.915% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.14 % มาอยู่ที่ระดับ 4.097% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.18% อยู่ในภาวะ inverted yield curve


  • นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยว่า เขาพร้อมพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ โดยระบุว่า เฟดไม่มีเวลามาชักช้าในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน นอกจากนี้ นายบอสติกยังแสดงความกังวลต่อสัญญาณการชะลอตัวของตลาดแรงงาน โดยเรียกร้องให้เฟดตระหนักถึงหน้าที่ในการรักษาระดับการจ้างงานให้เต็มที่ พร้อมระบุว่า หากตลาดแรงงานสหรัฐอ่อนแอลงเร็วกว่าที่คาด เขาก็เปิดรับแนวคิดในการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% แทนที่จะเป็นแค่ 0.25%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภค และช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,563.06 จุด เพิ่มขึ้น 554.67 จุด หรือ +1.39%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,543.22 จุด เพิ่มขึ้น 88.01 จุด หรือ +1.61% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,594.50 จุด เพิ่มขึ้น 401.89 จุด หรือ +2.34%


  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งฟื้นตัวหลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดค้าปลีกเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3%


  • ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 236,000 ราย


  • ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเริ่มฟื้นตัว และการชะลอตัวของจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ


  • อย่างไรก็ดี ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย.


  • สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2567 ของญี่ปุ่น ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดทั้งเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสและเทียบเป็นรายปี เนื่องจากค่าจ้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคเอกชนทั่วประเทศ


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เผยว่า ตลาดแรงงานของจีนยังคงมีเสถียรภาพในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค. โดยอัตราการว่างงานในเขตเมืองที่สำรวจลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยข้อมูลระบุว่า อัตราการว่างงานในเขตเมืองที่สำรวจโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.1% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 2/2567 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ หลังจากที่มีการขยายตัว 0.7% ในไตรมาส 1 โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัว หลังจากที่เศรษฐกิจอังกฤษถดถอยเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.53% ปิดที่ 78.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 81.04 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท Matador Economics สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมัน โดยขณะนี้ยังคงมีความเป็นไปได้ว่าอิหร่านจะล้างแค้นอิสราเอล หลังจากนายอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส ถูกลอบสังหารในอิหร่านเมื่อเดือนที่แล้ว


  • อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน หลังจากจีนเปิดเผยว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • นายอเล็กเซย์ สเมียร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการแคว้นเคิร์สก์ของรัสเซียประกาศผ่านทางเทเลแกรมอย่างเป็นทางการว่า ทางการได้สั่งอพยพประชาชนทุกคนในเขตกลุชคอฟสกีของแคว้นเคิร์สก์ออกจากพื้นที่

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  35.09 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.97 บาทต่อดอลลาร์ ค่าเงินบาทได้เข้าสู่ช่วงผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง แนวโน้มรอตลาดรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้ง ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและไฮไลท์สำคัญฝั่งไทย การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.วันนี้


  • นักวิเคราะห์มองว่า ความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินภาคครัวเรือนของไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นและความน่าดึงดูดใจด้านการลงทุนยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา เนื่องจากรัฐบาลไทยอาจจะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้จนกว่าจะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มที่จะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นับเป็นการส่งสัญญาณถึงการเดินหน้านโยบายต่าง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้ ซึ่งรวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต


  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มหันเหออกจากพันธบัตรของรัฐบาลไทย เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินเป็นเวลานานกว่าธนาคารกลางของประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในประเทศยังทำให้ความน่าดึงดูดของพันธบัตรไทยลดน้อยลงด้วย

 

 


ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com