ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อสัญญาณบ่งชี้ทิศทางเงินเฟ้อและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 14.59 เหรียญ หรือ 0.58% อยู่ที่ระดับ 2,520.8 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 22.50 เหรียญ หรือ 0.89% ปิดที่ 2,560.30 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 36.1 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 29.989 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 8.90 เหรียญ หรือ 0.95% ปิดที่ 946.20 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.15 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 857.27 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ซื้อสุทธิ 11.22 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 21.84 ตัน
- เอเวอเรตต์ มิลแมน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Gainesville Coins กล่าวว่า “นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. และคำถามในขณะนี้เหลือเพียงว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเท่าใด นอกจากนี้ เราคาดว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย”
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.38 จุด หรือ 0.38% มาอยู่ที่ระดับ 101.37 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.863% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 3.895% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.03% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศว่า ได้กำหนดระดับเงินทุนสำรองล่าสุดสำหรับธนาคารขนาดใหญ่หลังจากการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Tests) ประจำปีในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ได้ตกลงที่จะลดระดับเงินทุนสำรองของโกลด์แมน แซคส์ อย่างไรก็ดี ระดับเงินทุนสำรองใหม่ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้นั้น ส่วนใหญ่จะคล้ายกับที่เฟดกำหนดไว้เริ่มแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบสถานะการเงินประจำปีของธนาคารขนาดใหญ่
- ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นจึงอาจถึงเวลาที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่เขาก็ต้องการความมั่นใจก่อนจะดำเนินการดังกล่าว
- อัตราตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ในโตเกียวเร่งตัวขึ้นในเดือนสิงหาคม ซึ่งสนับสนุนให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อไป เนื่องจากธนาคารต้องรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยราคาผู้บริโภคที่ไม่รวมอาหารสด Core CPI เพิ่มขึ้น 2.4% ซึ่งเป็นการเร่งตัวขึ้นจากการเติบโต 2.2% ในเดือนกรกฎาคม สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 2.2%
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ที่ขยายตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 2/2567 แต่รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ได้ฉุดดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,335.05 จุด เพิ่มขึ้น 243.63 จุด หรือ +0.59%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,591.96 จุด ลดลง 0.22 จุด หรือ -0.004%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,516.43 จุด ลดลง 39.60 จุด หรือ -0.23%
- ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2567 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 3.0% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.8% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.8% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน
- รัฐบาลญี่ปุ่นยกระดับประมาณการเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน โดยให้เหตุผลถึงการฟื้นตัวเล็กน้อยของการบริโภคภาคเอกชน โดยการปรับทบทวนแนวโน้มเศรษฐกิจในทิศทางขาขึ้นนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ญี่ปุ่นมีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (real GDP) ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. อยู่ที่ 3.1% ซึ่งเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ไตรมาส
- ยูบีเอส กรุ๊ป (UBS Group) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนทั้งปีนี้และปีหน้า เนื่องจากวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำกว่าที่คาดไว้และยังไม่เห็นจุดต่ำสุด เนื่องด้วยเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวมาตั้งแต่เดือนมี.ค. อันเป็นผลมาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา และการดำเนินนโยบายการคลังแบบเข้มงวด UBS จึงคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียง 4.6% ในปี 2567 ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.9% และเติบโต 4% ในปีถัดไป ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ที่ 4.6%
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันในตลาดโลกตึงตัว หลังจากลิเบียระงับการผลิตน้ำมัน และอิรักวางแผนปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.87% ปิดที่ 75.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 79.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ลิเบียได้ระงับการผลิตน้ำมันมากกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อวานนี้ และระงับการส่งออกน้ำมันที่ท่าเรือหลายแห่ง อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การผลิตน้ำมันประมาณ 700,000 บาร์เรล/วันในลิเบียได้หยุดชะงักแล้วในขณะนี้
- นักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่า ลิเบียมีแนวโน้มที่จะระงับการผลิตน้ำมันมากถึง 1 ล้านบาร์เรล/วันในเร็ว ๆ นี้ และคาดว่าการผลิตน้ำมันจะยังไม่ฟื้นตัวก่อนที่จะถึงเดือนต.ค.
- ทั้งนี้ ลิเบียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมือง หลังมีความขัดแย้งกันระหว่างรัฐบาลลิเบียตะวันออกซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเบงกาซีกับรัฐบาลลิเบียที่ตั้งอยู่ในกรุงตริโปลี และได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งกันในประเด็นที่ว่าฝ่ายใดควรมีอำนาจในการควบคุมธนาคารกลางลิเบีย
- นอกจากนี้มีรายงานว่า อิรักวางแผนที่จะลดการผลิตน้ำมันในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนชดเชยการผลิตเกินโควตาตามที่ตกลงไว้กับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) โดยรายงานระบุว่าอิรักซึ่งผลิตน้ำมันได้ 4.25 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ค.นั้น จะลดการผลิตลงเหลือ 3.85 – 3.9 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ย. ซึ่งโควตาที่ตกลงกันไว้คือ 4 ล้านบาร์เรล/วัน
ข่าวเกี่ยวกับการเมือง
- กองกำลังอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทั่วฉนวนกาซา รวมทั้งส่งรถถังบุกใจกลางเมืองข่านยูนิสทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 34 ราย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.93 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.94 บาทต่อดอลลาร์ ยังคาดว่าเงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways แถวโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
- รมช.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการการอัดฉีดเม็ดเงินชุดแรกในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่คาดว่าจะออกได้ในช่วงเดือน ก.ย.67 ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะแจกกลุ่มเปราะบาง หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน ตามข้อเสนอของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews
Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง