• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 6 กันยายน 2567

    6 กันยายน 2567 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมเดือนนี้ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 21.14 เหรียญ หรือ 0.85% อยู่ที่ระดับ 2,516.46 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17.10 เหรียญ หรือ 0.68% ปิดที่ 2,543.10 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 54.2 เซนต์ หรือ 1.90% ปิดที่ 29.099 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 22.00 เหรียญ หรือ 2.42% ปิดที่ 930.30 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 862.74 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 16.37 ตัน


  • ฟิลลิป สเตรเบิล หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท Blue Line Futures กล่าวว่า ราคาทองคำพุ่งขึ้นหลังจากข้อมูลของ ADP บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ และเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในเดือนนี้


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.23 จุด หรือ -0.23% มาอยู่ที่ระดับ 101.05 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 3.731% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.744% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.01% อยู่ในภาวะ inverted yield curve


  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 45.0% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 34.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


  • แมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงตลาดแรงงานให้ยังคงแข็งแกร่ง แต่การจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดจะได้รับในวันข้างหน้า


  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) โดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวช้าลงตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค.จนถึงปลายเดือนส.ค. และธุรกิจต่าง ๆ ชะลอการจ้างงาน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใดเฟดจึงมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประชุมเดือนนี้


  • ผู้อำนวยการแผนกนโยบายการเงิน ธนาคารกลางจีนกล่าวว่า จีนยังคงมองเห็นโอกาสอยู่บ้างที่จะลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) แต่จีนยังคงเผชิญกับข้อจำกัดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก ซึ่งปรับเปลี่ยนนโยบายโดยอิงตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แค่ในช่วงสั้น ๆ ก่อนที่จะเทขายหุ้นในเวลาต่อมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,755.75 จุด ลดลง 219.22 จุด หรือ -0.54%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,503.41 จุด ลดลง 16.66 จุด หรือ -0.30% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,127.66 จุด เพิ่มขึ้น 43.36 จุด หรือ +0.25%


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ลิเบียจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจชะลอแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 69.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2566
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 72.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2566


  • นักลงทุนยังคงกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลงด้วย โดยนักวิเคราะห์ของ UBS ระบุว่า รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หรือ Beige Book แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวช้าลง และความเสี่ยงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้น


  • ความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 6.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 600,000 บาร์เรล


  • ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า โอเปกพลัสได้ตัดสินใจที่จะชะลอแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 2 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันกำลังปรับตัวลงอย่างหนักในขณะนี้


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดแข็งค่าที่ระดับ 33.60 บาทต่อดอลลาร์  แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.70 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 33.45 บาท แนวต้าน 33.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


  • รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ที่ดัชนีช่วงเช้าปรับขึ้นมาเกือบ 30 จุดว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี และน่ายินดี ส่วนผลการตอบรับของตลาดหุ้นมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น คงมีส่วนด้วย แต่ก็มีหลายประเด็นที่เป็นปัจจัยเกี่ยวข้องกัน


  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนส.ค.67 อยู่ที่ 108.79 หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป สูงขึ้น 0.35% YoY ขณะที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.40-0.48% แต่ชะลอลงจากเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 0.83%

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com