• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 18 กันยายน 2567

    18 กันยายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ ท่ามกลางความหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 16.50 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 2,592.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -12.34 เหรียญ หรือ -0.48% อยู่ที่ระดับ 2,570.32 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 15.60 เซนต์ หรือ 0.50% ปิดที่ 30.979 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5.40 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่ 982.80 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 872.23 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ซื้อสุทธิ 9.49 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 6.88 ตัน
  • Bloomberg รายงานว่า โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจปรับตัวลงเล็กน้อยในระยะสั้น หาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 25 basis point อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซคส์ เชื่อว่าทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ได้ในภายหลัง เนื่องจากมีเงินทุนไหลเข้ากองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ที่อ้างอิงทองคำเพิ่มขึ้น
  • Bank of America ประเมินว่าราคาทองคำอาจแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายใต้สภาวะดอกเบี้ยลดลง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.18 จุด หรือ 0.18% มาอยู่ที่ระดับ 100.93 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 3.647% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 3.609% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.04%
  • นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันนี้ (18 ก.ย.) โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่ให้น้ำหนักเพียง 34%
  • นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด รวมทั้งรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และการเปิดเผยตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของคณะกรรมการเฟด เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ
  • Bank of America Corp. รายงานผลสำรวจทั่วโลกพบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจากมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้  ผู้จัดการกองทุนมองว่ามีโอกาส 79% ที่จะเกิดการ soft landing เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยสนับสนุนเศรษฐกิจ
  • นักกลยุทธ์ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกโรงเตือนว่า FED อาจไม่ได้ "ลดดอกเบี้ย" มากเท่ากับที่คิดไว้ และพรุ่งนี้จะลดแค่ -0.25% แนะนำให้ลดการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐระยะสั้น
  • ผลสำรวจล่าสุดซึ่งจัดทำโดยซีเอ็นบีซี อินเตอร์เนชันแนล (CNBC International) บ่งชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ นักกลยุทธ์ด้านปริวรรตเงินตรา และผู้จัดการกองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในญี่ปุ่น มีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยโพล CNBC ชี้ BOJ คงดอกเบี้ยสัปดาห์นี้ แต่เตรียมขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
  • เกดิมินัส ซิมคุส กรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนหน้า หลังจากที่เพิ่งมีมติลดดอกเบี้ยไป 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่คริสติน ลาการ์ด ประธานของ ECB กล่าวว่า จะต้องเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่จึงจะกระตุ้นให้ ECB ดำเนินการเร็วกว่านั้น

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร โดยดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,606.18 จุด ลดลง 15.90 จุด หรือ -0.04%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,634.58 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 1.49 จุด หรือ +0.03%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,628.06 จุด เพิ่มขึ้น 35.93 จุด หรือ +0.20%
  • ในระหว่างวัน ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2% หลังจากที่พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งตลอดช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

  • อย่างไรก็ดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท Ameriprise Financial Services ในรัฐมิชิแกน แสดงความเห็นว่า ตลาดได้ตั้งความหวังเอาไว้มากก่อนที่จะมีการรายงานยอดค้าปลีก และสิ่งที่เห็นได้จากข้อมูลดังกล่าวคือสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปของสหรัฐฯ มีการเติบโต แต่เป็นการเติบโตที่ค่อนข้างช้า

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่าอุปสงค์น้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นหลังมีรายงานเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine) และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ 71.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 1.31% ปิดที่ 73.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันดิบกว่า 12% ในอ่าวเม็กซิโกได้ถูกระงับ เนื่องจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน
  • นักวิเคราะห์จากบริษัท AEGIS Hedging กล่าวว่า สถานการณ์ตึงเครียดรอบใหม่ในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ประกาศว่าจะล้างแค้นอิสราเอล หลังเกิดเหตุการณ์เพจเจอร์ (Pager) ระเบิดทั่วเลบานอน โดยเพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารในเลบานอน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และบาดเจ็บเกือบ 3,000 ราย ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 21.30 น.ตามเวลาไทย

 

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

 

  • นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.39 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.30 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท ประเมินว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways ไปก่อนได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 3 โดยการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะฯ ดังกล่าว ได้ปรับแผนก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 1.12 แสนล้านบาท  ชดเชยการขาดดุลงบปี 67 เพิ่มเติม

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com