• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 26 กันยายน 2567

    26 กันยายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งไปจนถึงปีหน้า


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -0.99 เหรียญ หรือ -0.04% อยู่ที่ระดับ 2,657.7 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.70 เหรียญ หรือ 0.29% ปิดที่ 2,684.70 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 41.2 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 32.018 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.80 เหรียญ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,001.30 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 877.12 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ซื้อสุทธิ 14.38 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 1.99 ตัน


  • สัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 57.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 37.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


  • นักวิเคราะห์ของธนาคารรายใหญ่ซึ่งรวมถึง JPMorgan และ UBS คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 เนื่องจากกระแสเงินทุนจำนวนมากที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ รวมทั้งแรงหนุนจากการคาดการณ์ ที่ว่าเฟดรวมถึง ธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก


  • นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ อาจจะเป็นแรงหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นด้วย เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวน ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.66 จุด หรือ 0.66% มาอยู่ที่ระดับ 100.93 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 3.787% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.563% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.22%


  • เอเดรียนา คูเกลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์ ว่าสนับสนุนอย่างยิ่ง ต่อการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดพื้นฐาน และพร้อมที่จะ สนับสนุนการปรับลดเพิ่มเติม หากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง คูเกลอร์ กล่าวว่า 'แม้ว่าการตัดสินใจของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับ แต่หากสภาวะเศรษฐกิจยังคงเป็นไปในทิศทางปัจจุบัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมก็จะเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม'"


  • "หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดพื้นฐาน Alastair Borthwick หัวหน้าฝ่ายการเงินของ Bank of America มองว่า นี่เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า เฟดกำลังควบคุมเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมาย และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวม"


  • สมาชิกสภากรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB Governing Council) เผยมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรปจะลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนถึงกลางปีหน้าเป็นอย่างน้อย จนลงมาอยู่ที่ระดับ 2% – 3%


  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.30% สู่ระดับ 2.00% เมื่อวานนี้ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจาก PBOC ประกาศมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ


  • Bloomerg Economics คาดว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไปอยู่ที่ระดับ 0.50% ในการประชุมเดือนมกราคมปีหน้า และจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนเมษายนและกรกฎาคม ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1.0%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ โดยดาวโจนส์ และ S&P500 อ่อนแรงลงหลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากข่าวจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ และการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งรวมถึงเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในสัปดาห์นี้


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,914.75 จุด ลดลง 293.47 จุด หรือ -0.70%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,722.26 จุด ลดลง 10.67 จุด หรือ -0.19% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,082.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.68 จุด หรือ +0.04%


  • องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจล่าสุดในวันนี้ (25 ก.ย.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลก จะขยายตัว 3.2% ทั้งในปี 2567 และ 2568 ขณะที่เงินเฟ้อน่าจะผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่อง


  • คริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังอยู่ในทิศทางชะลอตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์แลนดิง เนื่องจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช่วยให้เงินเฟ้อปรับตัวลดลงโดยไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย พร้อมกับกล่าวชื่นชมว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลกนั้นกำลังช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ ชะลอตัวลง


  • ADB เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียมีแนวโน้มขยายตัว 5% ในปีนี้ จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย. ที่ระดับ 4.8% โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ที่ 2.8% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาและอุปสงค์ในจีนอ่อนแอ


  • ตัวเลขเงินเฟ้อของออสเตรเลียในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง รวมถึงรัฐบาลมีนโยบายคืนเงินค่าไฟให้ประชาชน นอกจากนี้ เงินเฟ้อพื้นฐานก็ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2565 สะท้อนให้เห็นว่าราคาสินค้าโดยรวมกำลังคลายตัวลง แม้จะยังไม่เร็วนัก


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันพุธหลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าความขัดแย้งในลิเบียเริ่มคลี่คลายลงและทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ชะลอตัว แม้ว่าจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ก็ตาม


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.87 ดอลลาร์ หรือ 2.61% ปิดที่ 69.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.27% ปิดที่ 73.46 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลลิเบียฝั่งตะวันออกและตะวันตกได้ลงนามในข้อตกลงที่จะนำไปสู่กระบวนการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางลิเบีย ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการยุติข้อพิพาทที่ว่ารัฐบาลของฝั่งใดควรมีอำนาจในการควบคุมธนาคารกลางและรายได้จากน้ำมัน หลังจากที่ข้อพิพาทดังกล่าวได้ส่งผลให้ลิเบียต้องระงับการผลิตและการส่งออกน้ำมัน โดยลิเบียเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)


  • หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัท CFI Financial Group กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันร่วงลง โดยแม้ว่าธนาคารกลางจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ตลาดมองว่าจีนจำเป็นต้องออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นอุปสงค์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า แม้สหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด แต่ราคาน้ำมันร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันชะลอตัวในสหรัฐฯ


  • สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล


  • กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในระยะกลางและระยะยาว โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจในอินเดีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง รวมทั้งความล่าช้าของการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเชื้อเพลิงสะอาด

ข่าวการเมือง


  • กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเปิดเผยว่า นักรบของตนได้ยิงขีปนาวุธที่มุ่งเป้าโจมตีสำนักงานใหญ่ของมอสซาด ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล ใกล้กรุงเทลอาวีฟ นับเป็นการยกระดับความขัดแย้งกับอิสราเอล และทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้สงครามเต็มรูปแบบมากขึ้น


  • หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้พบกับเอ็มมานูเอล บอนน์ ที่ปรึกษาทางการทูตของประธานาธิบดีฝรั่งเศส นอกรอบการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ โดยเขากล่าวว่า นโยบายกีดกันทางการค้ากำลังบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของยุโรป ขณะที่สงครามการค้าก็ไม่เป็นประโยชน์ทั้งต่อยุโรปและจีน

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.75 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.60 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.85 บาทต่อดอลลาร์


  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา เงินบาทผันผวนมากขึ้น โดยปรับแข็งค่าขึ้น 3.8% ตั้งแต่ต้นปี และปรับแข็งค่าเร็วอยู่ในกลุ่มนำสกุลภูมิภาคในไตรมาส 3 จากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าการคาดการณ์ของตลาด ประกอบกับการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน ที่ส่งผลเชิงบวกต่อทิศทางเงินสกุลภูมิภาค


  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับประมาณการแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 2.5% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1.5% เนื่องจาก 1. การส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.67) ขยายตัวสูงถึง 4.2% (YoY) หนุนโดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นตามรอบวัฎจักร และการส่งออกทองคำไม่ขึ้นรูป ที่ขยายตัวถึง 28.8% (YoY)



  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนส.ค.67 พบว่า การส่งออก มีมูลค่า 26,182 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน จากที่ตลาดคาดโต 6% ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 25,917 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.9% ส่งผลให้ในเดือนส.ค.นี้ ไทยเกินดุลการค้า 264.9 ล้านดอลลาร์


  • ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในรายงาน Asian Development Outlook ฉบับเดือนกันยายน 2567 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.3 ในปี 2567 จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดินเมษายนที่ร้อยละ 2.6 และมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 ลงจากร้อยละ 3 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.7 โดยคาดว่าภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ




ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com