• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 27 กันยายน 2567

    27 กันยายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อ นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย.


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 14.5 เหรียญ หรือ 0.55% อยู่ที่ระดับ 2,672.2 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.20 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 2,694.90 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 32.3 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 32.341 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 20.90 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 1,022.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 877.12 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ซื้อสุทธิ 14.38 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 1.99 ตัน


  • ราคาทองคำยังได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง โดยเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 62.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 38.8% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.35 จุด หรือ -0.35% มาอยู่ที่ระดับ 100.58 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 3.798% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 3.633% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.17%


  • นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในเมื่อวานนี้ โดยกล่าวถึงความสำคัญของตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งเศรษฐกิจโลก โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทสำคัญในการแปลงเป็นเงินสดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในยามที่เกิดภาวะตึงตัวในระบบการเงิน อย่างไรก็ดี นายพาวเวลไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินของเฟด หรือทิศทางอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นในเมื่อวานนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ในเดือนพ.ย.


  • "ลิซ่า คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ต่อการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมครั้งล่าสุด การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและรักษาอัตราการว่างงานให้อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม เธอยังย้ำว่าเฟดจะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับ"


  • เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวว่า ข้อมูลตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในเส้นทางสู่การ "Soft landing " แต่ในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อกำลังส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยลดลง


  • ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.0% ในการประชุมเมื่อวานนี้


  • เอชเอสบีซี (HSBC) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมทุกครั้งนับตั้งแต่เดือนต.ค. ปีนี้ ไปจนถึงเดือนเม.ย. ปีหน้า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลงสู่ระดับ 2.25%


  • รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งมีการเผยแพร่ระบุว่า กรรมการ BOJ มีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ว่า BOJ ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเพียงใดในอนาคต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,175.11 จุด เพิ่มขึ้น 260.36 จุด หรือ +0.62%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,745.37 จุด เพิ่มขึ้น 23.11 จุด เพิ่มขึ้น +0.40% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,190.29 จุด เพิ่มขึ้น 108.09 จุด หรือ +0.60%


  • ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 3 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2567 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 3.0% ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการครั้งที่ 2 หลังจากมีการขยายตัวเพียง 1.4% ในไตรมาส 1/2567 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน


  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)


  • ข้อมูลจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ชี้ว่า การปล่อยกู้ปล่อยกู้ของธนาคารต่าง ๆ ในยูโรโซนมีการขยายตัวเล็กน้อยในเดือนส.ค. นับว่ายังคงฟื้นตัวอย่างช้า ๆ มาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า


  • "จีนเตรียมอัดฉีดเงินทุนมหาศาล 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 142,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ธนาคารของรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว" โดยมีแผนออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษชุดใหม่ มาตรการครั้งนี้ถือเป็นการอัดฉีดให้กับภาคธนาคาร และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) หลังจากสื่อรายงานว่าซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค. เช่นเดียวกับสมาชิกรายอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.86 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ 71.60 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ไฟแนนเชียลไทม์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ซาอุดีอาระเบียเตรียมยกเลิกการกำหนดเป้าหมายราคาน้ำมันอย่างไม่เป็นทางการที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล และพร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค. แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวในระดับต่ำเป็นเวลานาน


  • ท่าทีดังกล่าวถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้นำของกลุ่มโอเปกพลัสในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 เพื่อพยุงราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับสูง


  • สำนักข่าวรอยเตอร์เผย โอเปกพลัสมีแผนที่จะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค. เนื่องจากเล็งเห็นว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยหากสมาชิกบางประเทศลดการผลิตในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อชดเชยการผลิตส่วนเกินในเดือนก.ย.และเดือนต่อ ๆ ไป


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท Saxo Bank กล่าวว่า ข่าวซาอุดีอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งแนวโน้มที่อุปทานน้ำมันในลิเบียจะเพิ่มขึ้นหลังจากข้อพิพาททางการเมืองภายในประเทศคลี่คลายลงนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดราคาน้ำมันร่วงลง

ข่าวการเมือง


  • คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เผยแผนเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมชนชั้นกลางในสหรัฐฯ ด้วยการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ผลิตในประเทศ พร้อมกับเพิ่มการลงทุนในภาคส่วนต่าง ๆ ที่จะกำหนดอนาคตของประเทศในศตวรรษหน้า


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พันธมิตรสายแข็งในรัฐบาลขวาจัดของเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ปฏิเสธข้อเสนอจากสหรัฐฯ และฝรั่งเศสที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงเป็นเวลา 21 วันในเลบานอน เพื่อให้มีเวลาในการหาทางออกทางการทูต


  • นายนาจิบ มิกาตี นายกรัฐมนตรีเลบานอนแสดงความหวังว่า การหยุดยิงอาจจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เพื่อยุติการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวได้สร้างปัญหาให้กับเลบานอนและเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับการบุกโจมตีภาคพื้นดิน


  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลัง รวมทั้งใช้มาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก และบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเร่งด่วนว่าจีนต้องการสกัดการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ


  • ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้เตือนชาติตะวันตกว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์หากถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธธรรมดา และรัสเซียจะถือว่าการโจมตีรัสเซียที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์นั้นถือเป็นการโจมตีร่วมกัน


  • รายงานจากสำนักข่าวยอนฮัป ซึ่งอ้างข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้ ระบุว่า เกาหลีเหนือกำลังพิจารณาที่จะทดสอบนิวเคลียร์ในช่วงเวลาเดียวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย.


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.55 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.55 บาทต่อดอลลาร์


  • รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมีแนวทางการให้สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อให้ชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้หลายประเทศมีการดำเนินการกันค่อนข้างมาก ดังนั้น ในส่วนของประเทศไทยควรจะมีการศึกษาเรื่องนี้ด้วย เพราะเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มดีมานด์ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยเพิ่มเติม


  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยจะสามารถขยายตัวได้ที่ 2.6% ในปี 67 (ณ เดือน ก.ย. ตัวเลขระบบดุลการชำระเงิน) อย่างไรก็ดี มูลค่าการส่งออกที่ผ่านมาในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ขยายตัวดีต่อเนื่องและสูงกว่าที่ SCB EIC คาดการณ์ไว้และสูงกว่ามุมมองตลาดมาก


  • รมว.พาณิชย์ แถลงผลหารือแนวทางการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนไทย-จีนว่า รัฐบาลจีนยินดีให้ความร่วมมือกับไทยตามที่ไทยร้องขอ โดยเฉพาะปัญหาขาดดุลการค้าของไทย ซึ่งรัฐบาลจีนพร้อมส่งเสริมนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่ม ทั้งสินค้าเกษตร ทุเรียน รวมถึงยินยอมรับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าของไทย ทั้งมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งไทยบังคับใช้กับทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะจีน เพื่อดูแลความปลอดภัยของคนไทย


  • ภาพรวมการจ่ายเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ในวันที่ 2 เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยรัฐบาลได้ดำเนินการโอนเงินสำเร็จให้กับกลุ่มเป้าหมาย 4.5 ล้านราย ครบ 100% เสร็จสิ้นตั้งแต่เวลา 04.00 น. เนื่องจากการเป็นการโอนเงินให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีเลขบัตรประจำตัวประชาชนชัดเจน และมีการผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนเรียบร้อย

 


ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com