• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2567

    3 ตุลาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -3.15 เหรียญ หรือ -0.12% อยู่ที่ระดับ 2,658.77 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 20.60 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่ 2,669.70 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17.80 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 31.92 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 15.80 ดอลลาร์ หรือ 1.58% ปิดที่ 1,016.80 ดอลลาร์/ออนซ์


  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 874.82 ตันภาพรวมเดือนตุลาคม ซื้อสุทธิ 2.88 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 4.29 ตัน


  • นักกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท RJO Futures กล่าวว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในตลาดทองคำ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยหากอิสราเอลตัดสินใจโจมตีอิหร่าน ก็อาจทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.39 จุด หรือ 0.39% มาอยู่ที่ระดับ 101.63 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 3.783% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 3.645% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.14%


  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 144 เยนในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียว เนื่องจากนักลงทุนเทขายเงินเยน หลังจากชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น กล่าวว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ควรคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป


  • ซิติกรุ๊ปคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมในวันที่ 17 ต.ค. ทั้งนี้ ซิติกรุ๊ปแก้ไขคาดการณ์ดังกล่าว หลังจากคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีกล่าวว่า สภาบริหารของอีซีบีมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อจะกลับคืนสู่เป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม และสภาบริหารจะนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาในการประชุมนโยบายครั้งต่อไปในเดือนนี้


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,196.52 จุด เพิ่มขึ้น 39.55 จุด หรือ +0.09%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,709.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.79 จุด หรือ +0.01% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,925.12 จุด เพิ่มขึ้น 14.76 จุด หรือ +0.08%


  • การจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐฯ ธุรกิจภาคเอกชนของสหรัฐฯ เพิ่มการจ้างงาน 143,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน 2024 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบสามเดือน หลังจากที่มีการปรับเพิ่มจำนวนการจ้างงานเป็น 103,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 120,000 ตำแหน่ง


  • อัตราการว่างงานในยูโรโซนยังคงทรงตัวที่ 6.4% ในเดือนสิงหาคม 2024 ซึ่งตรงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน แม้ว่าธนาคารกลางยุโรปจะมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดก็ตาม


  • เรียวเซ อากาซาวะ พันธมิตรใกล้ชิดของชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อิชิบะไม่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ไม่ต้องการให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แถลงว่า BOJ จำเป็นต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากความผันผวนของตลาดและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกในระยะนี้ โดยเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความเปราะบาง


  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นในเดือนก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยค่าดัชนีที่ปรับตามฤดูกาลแล้วอยู่ที่ 36.9 จุด เพิ่มขึ้น 0.2 จุดจากเดือนก่อนหน้า


  • นักวิเคราะห์ของ Bank of America ออกมาคาดการณ์ว่าการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง


  • Bank of America คาดว่าหากตัวเลขการจ้างงานไม่ได้ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์มากนักจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่บ่งชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะชะลอตัวลงแบบ Soft Landing ได้


  • อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาในเดือนกรกฎาคมและ สิงหาคมออกมาในระดับที่ไม่สูงมากนักจึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขของเดือนกันยายนที่จะออกมาในวันศุกร์นี้สามารถเป็นปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นได้


  • ผลโพลหลังดีเบตผู้สมัครรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ว่า เจ.ดี. แวนซ์ (รีพับลิกัน) ชนะ ทิม วอลซ์ (เดโมแครต) เล็กน้อย ด้วยคะแนน 42% ต่อ 41% จากผู้ตอบแบบสอบถาม 1,630 คน ทั้งคู่ทำคะแนนได้ดีในประเด็นต่างๆ แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าผลดีเบตนี้จะไม่ส่งผลกระทบมากต่อคะแนนนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาคแห่งนี้ แต่ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้น


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 70.1 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 73.9 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธจำนวนมากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่สังหารประชาชนในฉนวนกาซา 


  • อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล


  • EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 840,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล


  • สำหรับความเคลื่อนไหวด้านอื่น ๆ นั้น คณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงนโยบายการผลิตของโอเปกพลัสในการประชุมเมื่อวานนี้ ส่งผลให้โอเปกพลัสยังคงปรับลดกำลังการผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน โดยมาจากการปรับลดกำลังการผลิตของสมาชิกโอเปกพลัสจำนวน 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน และการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของสมาชิกโอเปกพลัส 8 ชาติจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน

ข่าวการเมือง


  • อิสราเอลประกาศว่าจะโจมตีอิหร่าน เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธจำนวนมากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่ม Islamic Resistance ในอิรัก ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมนิกายชีอะห์และได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ส่งโดรนโจมตีเป้าหมายหลายแห่งในอิสราเอล


  • ฝรั่งเศสเปิดเผยว่ากำลังจัดส่งทรัพยากรทางการทหารเพิ่มเติมไปยังตะวันออกกลางเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากอิหร่าน พร้อมเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ในวันนี้ หลังอิหร่านเปิดฉากถล่มขีปนาวุธใส่อิสราเอลจนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงขึ้น

  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ประกาศว่า พร้อมร่วมมือกับปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียในการใช้โอกาสครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เพื่อเดินหน้าขยายความร่วมมือเชิงปฏิบัติรอบด้าน


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.92 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.74 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.80-33.20 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)


  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงเกือบ 5% ซึ่งแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค โดยเป็นผลจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมเดือนกันยายน โดยตลาดมองว่าการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ เป็นการลดเพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะไม่เกิดภาวะถดถอย (Insurance cut) จึงทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดปรับดีขึ้น (Risk-on sentiment), อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury yields) ลดลง เงินดอลลาร์อ่อนค่า และสกุลเงินภูมิภาครวมถึงเงินบาทแข็งค่าขึ้น


  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเพิ่มแรงกดดันต่อภาคการส่งออก เงินบาทแข็งค่าจาก 36.80 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 32.30 บาท/ดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หรือราว 12% เป็นการแข็งค่ามากกว่าค่าเงินอื่นในภูมิภาค กลายเป็นปัจจัยลบต่อความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก


  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) กล่าวว่า ขณะนี้สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครนยังดำเนินต่อไป ในขณะที่สงครามระหว่างอิหร่าน และอิสราเอลขยายวงกว้างมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน และค่าระวางเรือได้


  • กระทรวงการคลังมีแผนจะเปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาล ในไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 68(ต.ค.-ธ.ค.67) รวมไม่เกิน 3.64 แสนล้านบาท เพื่อการบริหารหนี้และการปรับโครงสร้างหนี้ ในปีงบประมาณ 68





ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com