• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 28 ตุลาคม 2567

    28 ตุลาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ



  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ โดยฟื้นตัวขึ้นจากแรงขายทำกำไร ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐได้ช่วยหนุนราคาทองคำ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -1.84 เหรียญ หรือ -0.07% อยู่ที่ระดับ 2,734.06 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.70 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 2,754.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.60 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 33.779 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3.10 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 1,036.70 ดอลลาร์/ออนซ์


  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 4.02 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 889.78 ตันภาพรวมเดือนตุลาคม ซื้อสุทธิ 17.84 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 10.67 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง



  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.27 จุด หรือ 0.26% มาอยู่ที่ระดับ 104.31 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.276% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.144% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.13%


  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ 


  • เช้านี้ เงินเยนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น หลังด้านผลเลือกตั้งญี่ปุ่น พรรครัฐบาล พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (LDP) เสียเสียงข้างมากในสภาครั้งแรกในรอบ 10 ปี พรรคที่คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งรอบนี้ คือ พรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่น (CDPJ) ที่เป็นฝ่ายค้าน 


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสจากบริษัทรายใหญ่ที่สุดหลายแห่งในสัปดาห์หน้า


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,114.40 จุด ลดลง 259.96 จุด หรือ -0.61%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,808.12 จุด ลดลง 1.74 จุด หรือ -0.03% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,518.61 จุด เพิ่มขึ้น 103.12 จุด หรือ +0.56%


  • ในรอบสัปดาห์นี้ มีเพียงดัชนี Nasdaq เท่านั้นที่ปิดบวก โดยปรับตัวขึ้น 0.16% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 0.96% และดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.68%


  • ส่วนในสัปดาห์หน้าซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย.นั้น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เนื่องจากจะมีการเปิดเผยผลประกอบการจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น อัลฟาเบท (Alphabet), แอปเปิ้ล (Apple) และไมโครซอฟท์ (Microsoft) รวมถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ประจำเดือนต.ค.ด้วย


  • นาง Kristalina Georgieva กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประมาณการอัตราเงินเฟ้อของโลกว่าจะปรับลดลงจาก 5.7% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 มาเป็น 5.3% ในไตรมาส 4 ของปี 2567 และคาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเป็น 3.5% ในไตรมาส 4 ของปี 2568 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทาย เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ระดับหนี้สาธารณะที่สูง และภาระทางการคลังที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นในอนาคต จากใช้จ่ายเพื่อรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 


  • ผู้อำนวยการ (IMF) กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นด้านการคลังที่รัฐบาลจีนประกาศใช้เมื่อไม่นานมานี้ ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาความเสี่ยงด้านเงินฝืดที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก


  • คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า มุมมองบวกที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง แต่ตลาดสหรัฐฯ ยังคงไร้เสถียรภาพ โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวบ่งชี้ว่าผู้ว่าการ BOJ ไม่มั่นใจว่าความเสี่ยงที่จะมีต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นจะลดลงหรือไม่


  • อัตราเงินเฟ้อในโตเกียวชะลอตัวลงต่ำกว่า 2% เป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือน โดยสาเหตุหลักมาจากราคาพลังงาน ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังพิจารณาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจด้านนโยบายในสัปดาห์หน้า


  • รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า จีนได้เปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มความต้องการในประเทศและบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปี ขณะที่นักลงทุนรอคอยการประชุมของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ที่คาดว่าจะประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการด้านการคลังที่สำคัญของจีน โดยเป้าหมายคือการเสริมสร้างนโยบายมหภาคเพื่อขยายความต้องการในประเทศและบรรลุเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปีนี้


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ในวันศุกร์ ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.59 ดอลลาร์ หรือ 2.27% ปิดที่ 71.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ในวันศุกร์ ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.25% ปิดที่ 76.05 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ขณะที่ในช่วงเช้าวันนี้ ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเกือบ 5% หลังจากมีรายงานว่าแหล่งผลิตน้ำมันในอิหร่านรอดพ้นจากการถูกโจมตีโดยกองทัพอิสราเอล


  • ในเช้านี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 3.01 ดอลลาร์ หรือ 4.19% สู่ระดับ 68.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
 
  • กองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านเมื่อวันเสาร์ เพื่อเป็นการตอบโต้อิหร่านที่โจมตีอิสราเอลอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยกองกำลังป้องกันอิสราเอลระบุว่า กองทัพอิสราเอลสามารถโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านอย่างแม่นยำ

 

  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กองทัพอิสราเอลหลีกเลี่ยงการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมัน รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์และพลังงานของอิหร่าน ตามคำเรียกร้องของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ

 

  • ทางด้านสื่อของทางการอิหร่านเปิดเผยว่า ขณะนี้กิจกรรมต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่านยังคงดำเนินไปอย่างปกติ โดยอิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และมีกำลังการผลิต 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 3% ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก
 

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

 

  • เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2567 กล่าวว่า อิสราเอลโจมตีครั้งใหม่ใส่อิหร่าน สังหารทหารอย่างน้อย 2 นาย และเตือนว่าอิหร่านจะสาหัสกว่านี้หากตอบโต้การโจมตีดังกล่าว ขณะที่สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และอังกฤษเรียกร้องให้รัฐบาลเตหะรานอดกลั้น เพื่อไม่ทำให้ความขัดแย้งรุนแรงไปกว่าเดิม ขณะเดียวกันอิหร่านประกาศกร้าวจะปกป้องตัวเอง หลังโดนอิสราเอลโจมตีทางอากาศ จนสูญเสียทหารอย่างน้อย 2 นาย ทำให้ความกังวลต่อการขยายตัวของสงครามในตะวันออกกลางกลับมาอีกครั้ง


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  33.79 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.30-34.25 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.85 บาทต่อดอลลาร์




ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com