• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567

    7 พฤศจิกายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักในวันพุธ โดยราคาทองถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -81.5 เหรียญ หรือ -2.97% อยู่ที่ระดับ 2,658.0 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 73.40 เหรียญ หรือ 2.67% ปิดที่ 2,676.30 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.444 เหรียญ หรือ 4.41% ปิดที่ 31.331 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 13.90 เหรียญ หรือ 1.38% ปิดที่ 992.80 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 3.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 883.46 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 8.33 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 4.35 ตัน


  • โรนา โอคอนเนลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัท StoneX กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาชัดเจนว่าทรัมป์ได้รับชัยชนะนั้น ได้ขจัดความไม่แน่นอนทางการเมืองและทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าการเลือกตั้งอาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะรู้ผลและอาจนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง นอกจากนี้ชัยชนะของทรัมป์ยังส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก และสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ


  • นักวิเคราะห์มองว่า ชัยชนะของทรัมป์เป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากแผนการปรับลดอัตราภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน รวมทั้งการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน จะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินเอเชียและจะเอื้อประโยชน์ต่อดอลลาร์ในที่สุด นอกจากนี้ มาตรการต่าง ๆ ของทรัมป์จะเป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจะหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.04 จุด หรือ 1.% มาอยู่ที่ระดับ 105.14 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.426% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.26% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.17%


  • ตลาดจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ (7 พ.ย.) ตามเวลาสหรัฐฯ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมครั้งนี้

  • นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีหน้า ขณะที่เริ่มมีการประกาศผลการนับคะแนนเบื้องต้นในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ


  • Goldman Sachs คาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะลดอัตราดอกเบี้ยอีก เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลงจากผลกระทบของนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน จีนก็มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นเพื่อรับมือกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดเกิดใหม่หลายแห่งอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของสกุลเงิน


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,729.93 จุด เพิ่มขึ้น 1,508.05 จุด หรือ +3.57%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,929.04 จุด เพิ่มขึ้น 146.28 จุด หรือ +2.53% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,983.47 จุด เพิ่มขึ้น 544.29 จุด หรือ +2.95%


  • ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ส่วนดัชนี Nasdaq ทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้


  • มาร์ค พินโท นักวิเคราะห์จากบริษัท Janus Henderson Investors กล่าวว่า นักลงทุนขานรับชัยชนะของทรัมป์ เนื่องจากมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของทรัมป์จะเร่งดำเนินนโยบายต่าง ๆ ตามที่ได้หาเสียงไว้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน และการใช้จ่ายทางการคลัง ซึ่งนโยบายเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น


  • การที่ผลเลือกตั้งออกมาชัดเจนและไม่ยืดเยื้อได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล โดยดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลง 4.22 จุด หรือ 20.60% ปิดที่ระดับ 16.27 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์


  • ผลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล อินเทลลิเจนซ์ (S&P Global Intelligence) ระบุว่า กิจกรรมภาคบริการของญี่ปุ่นหดตัวลงในเดือนต.ค.เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอลง ขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 เนื่องจากความกังวลเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของ Jibun Bank ลดลงสู่ระดับ 49.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 53.1 ในเดือนก.ย.


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.42% ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 61 เซนต์ หรือ 0.81% ปิดที่ 74.92 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์พุ่งขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล


  • ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 412,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 878,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล


  • ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันร่วงลงในช่วงแรก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าชัยชนะของทรัมป์อาจเป็นเหตุให้บริษัทในอุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐฯ ขุดเจาะน้ำมันมากขึ้นและทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดปรับตัวสูงขึ้นด้วย


  • ขณะที่จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์จาก UBS แสดงความเห็นว่า การที่ทรัมป์กลับมาครองทำเนียบขาวอีกครั้งอาจจะนำไปสู่การต่ออายุมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดลดลง และเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ได้กลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐแล้ว โดยล่าสุด CNN คาดว่า นายทรัมป์ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งมากถึง 276 เสียง เกินกว่าระดับ 270 เสียงสำหรับการเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ส่วนนางคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ได้เพียง 223 เสียง


  • มาร์ก รุตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต (NATO) แสดงความยินดีกับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเน้นย้ำว่าสมาชิกของนาโตกำลังเพิ่มงบประมาณรายจ่ายด้านกลาโหม ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อการวิจารณ์อย่างต่อเนื่องของทรัมป์ที่มีต่อกลุ่มพันธมิตรความมั่นคงตะวันตก


  • ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คงเป็นข่าวร้ายสำหรับยูเครน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์จะสามารถลดการสนับสนุนทางการเงินของสหรัฐฯ ต่อสงครามในยูเครนได้มากน้อยเพียงใด

  • โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่จะสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ เพื่อส่งเสริมความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงระดับทวิภาคีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.40 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.25 บาท แนวต้าน 34.55 บาท


  • Bloomberg รายงานไทยเตรียมออกมาตรการจูงใจดึงบริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาไทยหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง โดยรมว.พาณิชย์มองว่าชัยชนะของทรัมป์จะเป็นประโยชน์ต่อไทย เนื่องจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนจะรุนแรงขึ้น ทำให้ทั้งสองประเทศจะเพิ่มการลงทุนในไทยซึ่งเป็นประเทศที่เป็นกลางและเป็นมิตรกับทุกฝ่าย โดยบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Seagate และ Western Digital เตรียมเพิ่มการลงทุน ขณะที่ HP สนใจย้ายฐานการผลิตมาไทย ส่งผลให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปีนี้อาจสูงถึง 1 ล้านล้านบาท


  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.6-2.8% สูงกว่าประมาณการเดิม จากแรงขับเคลื่อนของการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลให้การส่งออกสามารถเติบโตได้ 2.5-2.9% สูงกว่าประมาณการเดิมที่ 1.5-2.5% ประกอบกับมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นกำลังซื้อ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ

 

 


ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com