• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567

    11 พฤศจิกายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ และร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 5 เดือนโดยถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดประเมินชัยชนะในการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์และแนวโน้มผลกระทบที่จะมีต่อการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -18.76 เหรียญ หรือ -0.69% เช้านี่อยู่ที่ระดับ 2,685.24 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11.00 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 2,694.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 1.98% ในรอบสัปดาห์นี้
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 40.6 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 31.449 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 20.60 ดอลลาร์ หรือ 2.06% ปิดที่ 978.50 ดอลลาร์/ออนซ์


  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 3.73 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 876.85 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 14.94 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 2.26 ตัน


  • ผลสำรวจ Kitco News Gold Survey ทั้ ผู้เชี่ยวชาญ และรายย่อยต่างมองว่าทองคำจะปรับตัวลงต่อในสัปดาห์นี้ 


  • มุมมองของผู้เชี่ยวชาญ (Wall Street) ส่วนใหญ่ 64% คาดว่าราคาทองจะลดลง มีเพียง 21% คาดว่าราคาทองจะเพิ่มขึ้น


  • มุมมองของนักลงทุนรายย่อย (Main Street) ความเชื่อมั่นลดลง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนรายย่อยมักจะมีมุมมองเชิงบวกต่อทองคำ แต่ผลสำรวจครั้งนี้พบว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยเริ่มลดลง โดยมีเพียง 46% ที่คาดว่าราคาทองจะปรับตัวสูงขึ้น 


  • Darin Newsom นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจาก Barchart.com มองว่า "แนวโน้มของราคาทองคำกำลังอ่อนตัวลง" แม้ว่าจะมีนักลงทุนบางส่วนเข้ามาซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง แต่จากการวิเคราะห์กราฟรายวัน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำยังคงบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงในระยะสั้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำเผชิญแรงขายเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.59 จุด หรือ 0.56% มาอยู่ที่ระดับ 105.03 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.13 % มาอยู่ที่ระดับ 4.308% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.256% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.05%


  • นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% วานนี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.2568 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนมี.ค.2568


  • ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 71.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. และให้น้ำหนัก 54.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2568


  • ยูอิจิโร ทามากิ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของญี่ปุ่นกล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้หากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าหรือลดภาษี ก็อาจทำให้เกิดเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ย” 


  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้ขอให้ธนาคารในประเทศลดอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับเงินฝากจากสถาบันการเงินอื่น ๆ เพื่อให้ธนาคารมีเงินมาใช้สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้า


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 1 ปีหลังจากพุ่งทะลุระดับ 6,000 จุดได้ในระยะสั้น โดยตลาดได้แรงหนุนจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,988.99 จุด เพิ่มขึ้น 259.65 จุด หรือ +0.59%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,995.54 จุด เพิ่มขึ้น 22.44 จุด หรือ +0.38%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,286.78 จุด เพิ่มขึ้น 17.32 จุด หรือ +0.09%


  • ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 4.61%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.66% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 5.74%


  • จีนประกาศมาตรการแก้ปัญหาหนี้ท้องถิ่นมูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจะออกพันธบัตรพิเศษ 6 ล้านล้านหยวนใน 3 ปี และเพิ่มโควตาพันธบัตรท้องถิ่นพิเศษอีก 4 ล้านล้านหยวนใน 5 ปี เพื่อแปลงหนี้ซ่อน (Hidden Debt) เป็นพันธบัตรรัฐบาล คาดว่าจะประหยัดดอกเบี้ยได้ 6 แสนล้านหยวน แต่ตลาดผิดหวังที่จีนไม่ออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคโดยตรง



  • อัตราเงินเฟ้อจากราคาผู้บริโภคของจีนอยู่ที่ระดับต่ำในเดือนต.ค. ขณะที่ราคาหน้าโรงงานก็ยังคงลดลง ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบล่าสุดของรัฐบาลจีนยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เศรษฐกิจหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอลงหลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ว่า CPI เดือนต.ค.อาจจะทรงตัวเท่ากับในเดือนก.ย.


  • กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นลดลงในเดือนก.ย.เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 2% ในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันของอุปทานน้ำมันที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคนในอ่าวเม็กซิโก และนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.98 ดอลลาร์ หรือ 2.74% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2.33% ปิดที่ 73.87 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • กลุ่มผู้ผลิตพลังงานในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ หยุดการผลิตน้ำมันไปมากกว่า 23% ในวันศุกร์ (8 พ.ย.) เพื่อเตรียมรับมือกับพายุเฮอร์ริเคนราฟาเอล อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์เส้นทางและความรุนแรงของพายุล่าสุดได้ลดความเสี่ยงที่ราฟาเอลจะมีผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน


  • ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า พายุดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายในคิวบาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 2 ในวันศุกร์


  • จิโอวานนี สตาวูโนโว นักวิเคราะห์ของยูบีเอสกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนประกาศมาตรการบรรเทาความตึงเครียดในการชำระหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น แต่มาตรการเหล่านั้นแทบไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นอุปสงค์โดยตรง


  • แรงกดดันด้านเงินฝืดต่อเศรษฐกิจจีนเป็นปัจจัยถ่วงราคาน้ำมันอย่างมากในปีนี้ โดยข้อมูลศุลกากรแสดงให้เห็นว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนต.ค.ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่หกเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา


  • ถึงแม้ราคาน้ำมันลดลงในวันศุกร์ แต่ราคายังคงเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% เมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นต่ออิหร่านและเวเนซุเอลา ซึ่งอาจทำให้ปริมาณน้ำมันลดลงในตลาดโลก


  • วอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า เจ้าหน้าที่และนักธุรกิจรัสเซียได้หารือกันเกี่ยวกับการควบรวมกิจการบริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของประเทศให้กลายเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียว โดย WSJ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า มีการหารือเกี่ยวกับแผนการที่จะให้บริษัทรอสเนฟต์ พีเจเอสซี (Rosneft PJSC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเข้าเทกโอเวอร์บริษัทก๊าซพรอม เนฟต์ (Gazprom Neft) และบริษัทลูคออยล์ พีเจเอสซี (Lukoil PJSC)


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • Financial Times ล่าสุดแจ้งว่าไต้หวันกำลังพิจารณาซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ จำนวนมาก โดยรวมถึงเรือพิฆาต Aegis ถือว่าการซื้ออาวุธครั้งใหญ่จากสหรัฐฯ เป็นการส่งสัญญาณต่อทรัมป์ ให้เห็นว่าไต้หวันจริงจังที่จะเพิ่มการป้องกันตนเองจากจีน นอกจากนี้ยังต้องการขีปนาวุธแพทริออตเพิ่ม และอาจขอเครื่องบินขับไล่ F-35 เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเอาจริงเอาจังกับการเสริมสร้างศักยภาพป้องกันตนเองจากการรุกรานของจีน


  • ยูเครนได้ส่งโดรนอย่างน้อย 32 ลำโจมตีกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซียในเมื่อวานนี้ ถือเป็นการโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดต่อเมืองหลวงของรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มสงครามรัสเซีย-ยูเครนในปี 2565 ส่งผลให้สนามบินหลัก 3 แห่งของมอสโกต้องเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบิน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1 ราย


  • พระราชกฤษฎีกา ระบุว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ลงนามรับรองสนธิสัญญาว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงด้านการป้องกันร่วมกัน


  • เอดิสัน รีเสิร์ช (Edison Research) คาดการณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรัฐแอริโซนา ทำให้ทรัมป์คว้าชัยชนะในทั้ง 7 รัฐสมรภูมิ และได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) อย่างขาดลอย เหนือรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 คะแนนไปแล้วตั้งแต่ที่นับคะแนนถึงเมื่อช่วงเช้าวันพุธ (6 พ.ย.) และคาดว่าเมื่อนับคะแนนเสร็จสมบูรณ์ ทรัมป์จะได้ 312 คะแนน ขณะที่แฮร์ริสจะได้ 226 คะแนน


  • โฆษกของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แสดงความเห็นเกี่ยวกับชัยชนะของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในศึกเลือกตั้งของสหรัฐฯ ว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ขานรับความพยายามใด ๆ ในการยุติสงครามในเลบานอน แต่ไม่ได้ตั้งความหวังเกี่ยวกับการหยุดยิงไว้กับคณะบริหารชุดใดของสหรัฐฯ เป็นพิเศษ


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


 

  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ   34.30 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงหนักจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.04 บาทต่อดอลลาร์  มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.95-34.65 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.45 บาทต่อดอลลาร์


  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลของนโยบายกีดกันทางการค้า และการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ 2” จะทำให้โครงสร้างและพัฒนาการของระบบการค้าเสรีของโลกเปลี่ยนแปลงไป โลกาภิวัตน์จะไม่เหมือนเดิม และคาดว่าประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะจีนก็จะตอบโต้ทางการค้า ผลสุทธิทางด้านสวัสดิการเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของโลกจะย่ำแย่ลง สะท้อนมาที่ปริมาณและมูลค่าการค้าโลกจะลดลงในปีหน้า รวมทั้งอัตราการขยายตัวจีดีพีของโลกจะลดลงจากปัจจัยดังกล่าว


  • สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาลไทย (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating-IDR) ไว้ที่ BBB+ และแนวโน้มมีเสถียรภาพ

 


ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com