• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567

    13 พฤศจิกายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ รวมทั้งการแสดงความเห็นของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดในสัปดาห์นี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -14.0 เหรียญ หรือ -0.53% อยู่ที่ระดับ 2,607.0 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11.40 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 2,606.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.6 เซนต์ หรือ 0.48% ปิดที่ 30.759 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 21.30 ดอลลาร์ หรือ 2.20% ปิดที่ 948.20 ดอลลาร์/ออนซ์


  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 870.53 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 21.26 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 8.58 ตัน


  • สภาทองคำโลก รายงานว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน หลังจากทำสถิติสูงสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำมาจากความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯ และปัจจัยทางเทคนิค เช่น การไหลออกของเงินทุนจากกองทุน ETF ทองคำ และการลดลงของปริมาณการซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ (COMEX) เป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.08 จุด หรือ -0.08% มาอยู่ที่ระดับ 105.94 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.424% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.338% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.09%


  • ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 59% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับที่ให้น้ำหนัก 80% ก่อนที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง


  • ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) มีแนวโน้มว่าจะขายดอลลาร์เพื่อพยุงค่าเงินรูปี หลังจากรูปีอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินในเอเชียซึ่งนำโดยค่าเงินหยวนของจีน


  • สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ (IRNA) ของทางการอิหร่านรายงานว่า อิหร่านและรัสเซียเชื่อมโยงระบบการชำระเงินของสองประเทศเข้าด้วยกัน นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญเพื่อเลี่ยงการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการทำธุรกรรมระหว่างกัน


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,910.98 จุด ลดลง 382.15 จุด หรือ -0.86%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,983.99 จุด ลดลง 17.36 จุด หรือ -0.29% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,281.40 จุด ลดลง 17.36 จุด หรือ -0.09%


  • นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงิน JPMorgan Chase คาดการณ์การฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2024 จะแข็งแกร่งกว่าปี 2016 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นาย Donald Trump ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ


  • ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่ง ยังคงมีมุมมองเชิงบวก ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และมีการปรับเป้าหมายดัชนี S&P 500 ขึ้น โดยมีการคาดการณ์สูงสุดในตลาดอยู่ที่ 6,200 จุดในสิ้นปีนี้


  • ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของจีนชะลอตัวลงมากกว่าคาดในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนไม่สามารถทำให้ความต้องการสินเชื่อฟื้นตัวขึ้นได้ ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 5 แสนล้านหยวน (6.951 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 1.59 ล้านล้านหยวนในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7 แสนล้านหยวน


  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนกำลังวางแผนที่จะปรับลดภาษีสำหรับการซื้อบ้าน โดยข่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลเพิ่มการสนับสนุนทางการคลังเพื่อฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยที่ซบเซา


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากนักลงทุนซึมซับข่าวโอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้และปีหน้า


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 68.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 71.89 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนพ.ย. โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะขยายตัว 1.82 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 ลดลงจากระดับ 1.93 ล้านบาร์เรล/วันที่มีการคาดการณ์ในเดือนต.ค.


  • นอกจากนี้ โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะขยายตัว 1.54 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 ลดลงจากระดับ 1.64 ล้านบาร์เรล/วันที่มีการคาดการณ์ในเดือนต.ค.ทั้งนี้ โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนพ.ย.


  • นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัท Mizuho กล่าวว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันคือทีมนโยบายต่างประเทศที่โดนัลด์ ทรัมป์กำลังจัดตั้ง โดยมีรายงานว่าทรัมป์จะเลือกมาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกสหรัฐเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา รูบิโอสนับสนุนการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวกับประเทศที่เป็นปรปักษ์ทางภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐฯ รวมถึงจีน อิหร่าน และคิวบา โดยทีมนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ จะเพิ่มแรงกดดันให้กับจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันจากจีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก


  • เคปเลอร์ (Kpler) ผู้ให้บริการข้อมูลติดตามการขนส่ง เปิดเผยว่า การส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ไปยังจีนดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค. จากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2564 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตยังคงไม่แน่นอน


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

 

  • เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย กล่าวกับหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในระหว่างเยือนกรุงปักกิ่งว่า ภารกิจสำคัญสำหรับรัสเซียและจีนคือการต่อต้านสหรัฐฯ ที่พยายามสกัดการเติบโตของทั้งสองชาติ

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

 

  • ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.84 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.70 บาท แนวต้าน 34.90 บาท

 

  • รัฐบาลเตรียมจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น กลาง และยาว รวมถึงมาตรการของขวัญปีใหม่ โดยจะพิจารณากระตุ้นเศรษฐกิจแยกตามรายภาคส่วน ผ่านความร่วมมือของหลายกระทรวง และจะมีการพิจารณาโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ด้วย

 

 

 


ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com