• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567

    21 พฤศจิกายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

 

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 23.0 เหรียญ หรือ 0.87% อยู่ที่ระดับ 2,655.0 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 20.70 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 2,651.70 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17.20 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 31.434 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 12.80 ดอลลาร์ หรือ 1.31% ปิดที่ 965.80 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 3.16 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 875.39 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 16.4 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 3.72 ตัน
  • นักกลยุทธ์ด้านโลหะจากบริษัท Zaner Metals กล่าวว่า สัญญาณบ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย 

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

 

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.45 จุด หรือ 0.42% มาอยู่ที่ระดับ 106.57 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.0 % มาอยู่ที่ระดับ 4.404% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.313% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.09%
  • นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 55.7% ต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งลดลงจากที่ให้น้ำหนัก 82.5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • ไมเคิล บาร์ รองประธานเฟดฝ่ายกำกับดูแล กล่าวกับสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้ ว่าเขาจะไม่ลาออกก่อนที่วาระจะสิ้นสุดลง แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะพยายามไล่เขาออกก็ตาม ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงคำพูดของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดที่เคยกล่าวไปเมื่อต้นเดือนนี้
  • ลิซ่า คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ  แสดงความมั่นใจในความผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องของเงินเฟ้อ เธอคาดหวังว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงจากระดับ 4.75% ในปัจจุบันเป็น 4.5% ในที่สุด แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะลดเมื่อใดและลดลงเท่าไหร่ โดยกล่าวว่าเวลาที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะประกาศในเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้การตัดสินใจของธนาคารกลางในการประชุมเดือนธันวาคมยังคงไม่ชัดเจน
  •  มิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายที่เข้มงวดที่สุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ เรียกร้องให้ใช้แนวทางที่รอบคอบในกรณีที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยระบุว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
  • ซูซาน คอลลินส์ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐสาขาบอสตัน  เห็นว่าการลดดอกเบี้ยเป็นสิ่งจำเป็น แต่ผู้กำหนดนโยบายควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินการอย่างรวดเร็วหรือช้าเกินไป
  • อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งขึ้นสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค. และสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กำหนดไว้ที่ระดับ 2%  ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 1.7% ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ให้ BoE จะต้องใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • ญี่ปุ่นจ่ออนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 8.7 หมื่นล้านดอลล์วันศุกร์นี้ โดยพรรคร่วมรัฐบาลญี่ปุ่นได้บรรลุข้อตกลงกับพรรคฝ่ายค้านเมื่อวานนี้เกี่ยวกับร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะปูทางไปสู่การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของภาคครัวเรือน

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

 

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ก่อนที่บริษัทอินวิเดีย (Nvidia) จะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการ รวมทั้งผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัททาร์เก็ต (Target) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ
  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,408.47 จุด เพิ่มขึ้น 139.53 จุด หรือ +0.32%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,917.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด หรือ +0.002% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,966.14 จุด ลดลง 21.33 จุด หรือ -0.11%
  • ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นแตะระดับ 18.79 จุดในระหว่างวัน ก่อนที่จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 17.24 จุด แต่ก็ยังถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.
  • หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ NVIDIA มีการรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 รายได้รวม 35,082 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 94% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ 

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด อย่างไรก็ดี สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนช่วยให้ราคาน้ำมันลดช่วงลบ
  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.68% ปิดที่ 72.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 545,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล มากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล
  • นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยลบหลังบริษัทพลังงานของนอร์เวย์ เป็นบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ได้กลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง หลังจากที่ระงับการผลิตเนื่องจากปัญหาไฟฟ้าดับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

 

  • โดยล่าสุดยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ “Storm Shadow” ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่ผลิตโดยอังกฤษนั้น เข้าไปในดินแดนรัสเซีย

 

  • เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เข้าไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศปรับเกณฑ์การใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับมือกับการโจมตีพรมแดนเป็นวงกว้าง
  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติให้มีการจัดหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine) ให้แก่ยูเครน ซึ่งอาจช่วยให้รัสเซียรุกคืบเข้าสู่ดินแดนทางตะวันออกได้ช้าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่สหรัฐฯ จัดหาให้

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

 

  • Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.64 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท มองว่า เงินบาทอาจมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ Sideways 34.59-34.76 บาทต่อดอลลาร์



 

 

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com