• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567

    27 พฤศจิกายน 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • ราคาทองคำทรงตัวหลังข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด


  • การบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำทรงตัว ราคาทองคำซื้อขายอยู่ที่ระดับใกล้ 2,630 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากที่อิสราเอลและกลุ่มเฮซบอลเลห์บรรลุข้อตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 60 วัน ข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงมากกว่า 3% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 3.36 เหรียญ หรือ 0.13% อยู่ที่ระดับ 2,630.84 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.80 เหรียญ หรือ 0.10% ปิดที่ 2,621.30 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 17.1 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 30.832 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 14.60 เหรียญ หรือ 1.55% ปิดที่ 929.90 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 879.41 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 12.38 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 0.3 ตัน


  • ปีเตอร์ แกรนท์ นักกลยุทธ์ด้านการซื้อขายโลหะจากบริษัท Zaner Metals กล่าวว่า แม้ข่าวการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนอาจจะทำให้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ลดน้อยลง แต่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีแนวโน้มลุกลามบานปลายนั้น ยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยเขาคาดว่าในระยะใกล้นี้ ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,575 – 2,750 ดอลลาร์


  • ทางด้านอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาเตือนถึงแสนยานุภาพทางทหารของรัสเซีย และแนะนำว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.66 จุด หรือ -0.61% มาอยู่ที่ระดับ 106.82 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.31% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.254% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.06%


  • รายงานการประชุมเฟด FOMC ประจำวันที่ 6-7 พ.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ว่าเฟดอาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกมากเท่าใด และกรรมการเฟดก็มีความเห็นตรงกันว่า ถึงเวลาแล้วที่เฟดควรหลีกเลี่ยงการชี้นำมากเกินไปเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงิน


  • เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า สนับสนุนแนวทางที่รอบคอบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อค่อยๆลดลง โดยรายงานการประชุมนโยบายการเงินล่าสุดระบุว่า ผู้เข้าร่วมประชุมคาดการณ์ว่าหากข้อมูลออกมาตามที่คาดไว้ โดยอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างยั่งยืนที่ 2% และเศรษฐกิจยังคงอยู่ใกล้ระดับการจ้างงานสูงสุด ก็ควรจะค่อยๆ ดำเนินนโยบายที่เป็นกลางมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป


  • นอกจากนี้รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่าเจ้าหน้าที่เฟดกำลังพิจารณา ปรับเปลี่ยนเครื่องมือที่ธนาคารกลางของสหรัฐใช้ควบคุมเกณฑ์มาตรฐานหลักอีกครั้ง ต่ออัตราดอกเบี้ย (ON RRP) overnight reverse repo ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรองที่มีอิทธิพลต่อต้นทุนการกู้ยืมในระบบเศรษฐกิจ


  • ด้านเงินเฟ้อ เจ้าหน้าที่กล่าวว่าการเติบโตของราคาได้ลดลงอย่างมากจากจุดสูงสุด แต่สังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน ยังคง "สูงขึ้นเล็กน้อย"


  • พอล แอชเวิร์ธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท Capital Economics กล่าวว่า เขายังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% แต่การตัดสินใจดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนพ.ย.


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยดาวโจนส์ฟื้นตัวเนื่องจากนักลงทุนซึมซับข่าวโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา รวมทั้งซึมซับรายงานการประชุมเดือนพ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • โดยดัชนี S&P 500 (+0.57%) ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่ 52 ในปีนี้ ปิดเหนือ 6,000 จุด หนุนโดยหุ้น Mega-Cap อย่าง Microsoft, Amazon และ Eli Lilly ที่ฟื้นตัวแรง แม้จะมีแรงกดดันจากนโยบายภาษีใหม่ของทรัมป์ซึ่งกระทบหุ้นกลุ่มยานยนต์และพลังงาน


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,860.31 จุด เพิ่มขึ้น 123.74 จุด หรือ +0.28%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,021.63 จุด เพิ่มขึ้น 34.26 จุด หรือ +0.57% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,174.30 จุด เพิ่มขึ้น 119.46 จุด หรือ +0.63%


  • ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน แม้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะลดลง ต่ำสุดในรอบ 2 ปี


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร หลังจากมีรายงานว่าอิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ค่าพรีเมียมความเสี่ยง (risk premium) ของราคาน้ำมันปรับตัวลดลง


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 68.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 72.81 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • อเล็กซ์ โฮดส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท StoneX กล่าวว่า การที่อิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะลดการคว่ำบาตรน้ำมันจากอิหร่านซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้จัดการแถลงข่าวต่อชาวอิสราเอลทั้งประเทศในช่วงค่ำวานนี้ โดยกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีความมั่นคงได้ให้การอนุมัติข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แล้ว และในขั้นตอนต่อไป เขาจะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเต็มคณะเพื่อให้การอนุมัติข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะปูทางไปสู่การยุติการทำสงครามซึ่งกินเวลานาน 14 เดือน และทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และพลัดถิ่นจำนวนมาก ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (27 พ.ย.)


  • สหภาพยุโรป (EU) เสนอมาตรการคว่ำบาตรบริษัทจีนหลายแห่งที่มีส่วนสนับสนุนบริษัทรัสเซียในการพัฒนาโดรนโจมตีที่ถูกนำไปใช้ทำสงครามกับยูเครน


  • เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต (NATO) ได้เรียกร้องให้ภาคธุรกิจเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์สงคราม โดยปรับเปลี่ยนสายการผลิตและการกระจายสินค้าให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกข่มขู่จากประเทศต่าง ๆ เช่น รัสเซีย และจีน


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.69 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.50 บาท แนวต้าน 34.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


  • การส่งออกของไทย ในเดือนตุลาคม 2024 เพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบรายปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนที่ 27.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนกันยายนที่เติบโตเพียง 1.1% และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโต 5.4% อย่างมาก


  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2567 สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 53 (ช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์) โดยสาเหตุหลักจากการชำระคืนหนี้ที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะการจ่ายคืนหนี้ของภาครัฐและธุรกิจขนาดใหญ่ แม้การให้สินเชื่อใหม่ยังมีต่อเนื่องในธุรกิจขนาดใหญ่ในภาคบริการ อสังหาริมทรัพย์ พาณิชย์ และสินเชื่ออุปโภคบริโภค ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่มีแนวโน้มชะลอลง ขณะที่สินเชื่อในภาคธุรกิจที่เผชิญปัญหาความสามารถในการแข่งขันยังคงหดตัว โดยเฉพาะในกลุ่มปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com