• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2567

    2 ธันวาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และความตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างประเทศที่ยังคงดำเนินต่อไป แต่สัญญาทองคำปรับตัวลงรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว โดยเผชิญแรงขายหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -3.39 เหรียญ หรือ -0.13% อยู่ที่ระดับ 2,635.89 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 41.10 เหรียญ หรือ 1.56% ปิดที่ 2,681.00 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 55.20 เซนต์ หรือ 1.81% ปิดที่ 31.108 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 22.30 เหรียญ หรือ 2.39% ปิดที่ 954.10 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 878.55 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 13.24 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 0.56 ตัน


  • สัญญาทองคำร่วงลง 3% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการร่วงรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2566 เนื่องจากชัยชนะของทรัมป์ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงต้นเดือนนี้ และทำให้การปรับตัวขึ้นของทองคำหยุดชะงัก ส่งผลให้เกิดการเทขายทองคำหลังการเลือกตั้ง


  • ความไม่แน่นอนทั่วโลกที่ยังคงมีอยู่ช่วยผลักดันความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยโอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของแซกโซ แบงก์ (Saxo Bank) ระบุว่า กองทัพอิสราเอลรายงานเหตุการณ์ต้องสงสัยในพื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอน ซึ่งมองว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่รัสเซียเปิดการโจมตีครั้งใหญ่ครั้งที่สองต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนในเดือนนี้


  • "ความไม่แน่นอนยังคงครอบงำตลาดทองคำ โดยผลสำรวจ Kitco News Gold Survey สัปดาห์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเห็นที่แตกต่างกันของนักวิเคราะห์และนักลงทุน ทั้งวอลล์สตรีทและ Main Street ต่างคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำที่แตกต่างกันออกไป ทำให้มองเห็นภาพรวมของตลาดที่ค่อนข้างผันผวนในสัปดาห์หน้า


  • โดยผู้เชี่ยวชาญ 43% คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ 50% คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงทรงตัว และมีผู้เชี่ยวชาญเพียง 7% ที่คาดว่าราคาจะลดลง


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.24 จุด หรือ 0.23% มาอยู่ที่ระดับ 106.18 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.215% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.194% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.02%


  • ข้อมูลจาก FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ แต่คาดว่าเฟดจะหยุดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค.


  • CNBC รายงานบทวิเคราะห์ค่าเงินหยวนจาก 13 สถาบันการเงินชั้นนำ ซึ่งรวมถึง JP Morgan , Morgan Stanley และ Goldman Sachs ระบุว่า ค่าเฉลี่ยของระดับค่าเงินหยวนในปี 2025 จากทุกสถาบัน มองว่ามีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงไปแตะระดับ 7.51 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ 4 ซึ่งจะเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดของเงินหยวนนับตั้งแต่ปี 2004 โดยได้รับแรงกดด้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เตรียมจะปรับขึ้นภาษีจากอัตราเติมเพิ่มเติม โดยค่าเงินหยวนได้อ่อนค่าลงแล้วกว่า 2% นับตั้งแต่การเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯโดยล่าสุดอยู่ที่ 7.25 หยวนต่อดอลลาร์


  • เงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินครั้งหน้า มาอยู่ที่ระดับเหนือ 150 เยนเล็กน้อย ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคในโตเกียวประจำเดือนพฤศจิกายนที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกได้รับความสนใจ เนื่องจากฤดูกาลชอปปิงช่วงวันหยุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในสหรัฐฯ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,910.65 จุด เพิ่มขึ้น 188.59 จุด หรือ +0.42%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,032.38 จุด เพิ่มขึ้น 33.64 จุด หรือ +0.56%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,218.17 จุด เพิ่มขึ้น 157.69 จุด หรือ +0.83%


  • ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.39%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.06% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 1.13%


  • ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อต้นเดือนนี้  ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินความคาดหวังว่า นโยบายสนับสนุนธุรกิจของทรัมป์อาจกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลกำไรของบริษัท


  • อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลว่านโยบายดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อ, ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก


  • โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเดือนกลุ่มประเทศ BRICS ว่าอย่าพยายามสร้างสกุลเงินใหม่หรือใช้สกุลเงินอื่นมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐในการค้าระหว่างประเทศโดยขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้า 100% กับประเทศที่พยายามทำเช่นนั้น และจะไม่อนุญาตให้ส่งสินค้าเข้ามาขายในตลาดสหรัฐฯ


  • ข้อมูลจากมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) และผู้ให้บริการข้อมูลรายอื่น ๆ เผยให้เห็นว่า การจับจ่ายซื้อสินค้าออนไลน์เนื่องในวันแบล็กฟรายเดย์ (Black Friday) เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ยอดขายหน้าร้านค่อนข้างเงียบเหงาในสหรัฐฯ


  • คณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรีจีนประกาศว่า จีนจะยังคงยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการจากสหรัฐฯ ต่อไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายนปีนี้


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิตของจีน เพิ่มขึ้นแตะ 50.3 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 50.1 ในเดือนต.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการลดลงแตะระดับ 50.0 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 50.2 ในเดือนต.ค.

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ และร่วงลงมากกว่า 3% ในรอบสัปดาห์นี้ หลังตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมันที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และมีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในปี 2568 แม้คาดว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะยังคงปรับลดการผลิตต่อไปก็ตาม

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 72 เซนต์ หรือ 1.05% ปิดที่ 68.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 4.8% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 3.1%


  • ข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลในวันพุธ (27 พ.ย.) ได้ช่วยลดความเสี่ยงในตลาดน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันลดลง แม้ทั้งอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถูกกล่าวหาว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงก็ตาม โดยสำนักข่าวของทางการของเลบานอนรายงานว่า รถถังของอิสราเอลจำนวน 4 คันได้เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ชายแดนเลบานอนเมื่อวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งในตะวันออกกลางไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันซึ่งคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในปี 2568


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้ส่งเครื่องบินรบโจมดีแท่นยิงขีปนาวุธของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทางตอนใต้ของเลบานอน หลังตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่ายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา


  • โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนประกาศว่า จีนจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างรุนแรงและเด็ดขาดเพื่อปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ หลังจากที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) ว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ไต้หวันคิดเป็นมูลค่า 385 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงอะไหล่สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 และเรดาร์


  • สมาชิกอาวุโสของรัฐสภารัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียอาจใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง โอเรชนิก (Oreshnik) โจมตีทำเนียบประธานาธิบดียูเครนในกรุงเคียฟผมมั่นใจว่ากระทรวงกลาโหมรัสเซียได้รวบรวมรายชื่อเป้าหมายในดินแดนของยูเครนที่เหมาะสมกับการโจมตีเอาไว้แล้ว” 


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.40 บาทต่อดอลลาร์  จากราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 34.35 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.30 บาท แนวต้าน 34.50 บาท


  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่าจีนอาจใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนรับมือกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ที่ตั้งอัตราภาษี 60% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนทุกประเภทที่กดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าและดอลลาร์แข็งค่า เพราะการเกินดุลการค้าของจีนต่อสหรัฐฯ จะลดลงทันที และการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อจีนจะลดลงเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com