• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2567

    4 ธันวาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 1.71 เหรียญ หรือ 0.06% อยู่ที่ระดับ 2,640.67 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,667.90 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 62.80 เซนต์ หรือ 2.03% ปิดที่ 31.492 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 9.80 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 960.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.3 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 873.66 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ขายสุทธิ 4.89 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 5.45 ตัน


  • อย่างไรก็ดี ราคาทองคำลดช่วงบวก หลังจากสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน เพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.744 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค.


  • JPMorgan คาดการณ์ว่าราคาโลหะพื้นฐานอาจเผชิญแรงกดดันให้ลดลงในช่วงต้นปี 2568 จากปัจจัยเสี่ยงด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและการปรับตัวของปัจจัยพื้นฐาน


  • โดย JPMorgan ประเมินว่าราคาทองคำอาจแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาเงินอาจสูงถึง 38 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปี 2025 


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.11 จุด หรือ -0.1% มาอยู่ที่ระดับ 106.37 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.234% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.181% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.05%


  • เอเดรียนา คูเกลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวกลับสู่เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ โดยที่ตลาดงานยังคง "แข็งแกร่ง" แม้ว่าจะ "ชะลอตัวลงเล็กน้อย


  • ออสตัน กูลส์บี  ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าว สิ้นปีนี้ เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงต้องเดินหมากอย่างระมัดระวัง  ในขณะที่ตลาดแรงงานอยู่ในสภาพที่ดี อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง และเศรษฐกิจกำลังเติบโตในอัตราที่ยั่งยืน  แต่เฟดยังต้องระวังไม่ให้ลดดอกเบี้ยมากเกินไป 


  • เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่า พร้อมที่จะออกมาตรการรักษาเสถียรภาพ แทรกแซงตลาด หากมีความจำเป็น หลังค่าเงินวอนดิ่งลงอย่างหนักจากการประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้


  • สกุลเงินวอนของเกาหลีใต้ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีเทียบดอลลาร์ หลังมีรายงานว่า นายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อคืนนี้ อ้างว่าเป็นการปกป้องประเทศจากกองกำลังคอมมิวนิสต์ ก่อนสภาโหวตคว่ำ


  • ทั้งนี้ นายยุนประกาศกฎอัยการศึก โดยกล่าวหาว่าพรรคฝ่ายค้านได้เข้าครอบงำรัฐสภา ด้วยการแสดงความเห็นอกเห็นใจเกาหลีเหนือ และขัดขวางรัฐบาลด้วยการทำกิจกรรมที่ต่อต้านรัฐ


  • ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง รัฐสภาเกาหลีใต้ซึ่งมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 190 คนจากจำนวนทั้งหมด 300 คน ลงมติ ยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประธานาธิบดีประกาศใช้ ถือเป็นการคัดค้านเป็นเอกฉันท์

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร โดยดาวโจนส์ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ส่วนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,705.53 จุด ลดลง 76.47 จุด หรือ -0.17%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,049.88 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด หรือ +0.05% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,480.91 จุด เพิ่มขึ้น 76.96 จุด หรือ +0.40%


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ยืนยันว่า PBOC จะใช้นโยบายด้านการเงินเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะกลับคืนสู่ทำเนียบขาวในช่วงต้นปีหน้า


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันอังคาร หลังจากอิสราเอลขู่ว่าจะโจมตีเลบานอนหากข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ล้มเหลว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 69.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.49% ปิดที่ 73.62 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • กลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะประกาศขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงสิ้นไตรมาส 1/2568 ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ (5 ธ.ค.) โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงราคาน้ำมัน จากเดิมที่ระบุว่าจะเริ่มยุติการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันสิ้นเดือนธ.ค. 2567


  • ส่วนสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้น เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเตือนว่า กองทัพอิสราเอลจะตอบโต้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอิสราเอลซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนเลบานอนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยประณามว่าการกระทำของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซึ่งมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์ที่แล้ว


  • ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • สำนักข่าวอาร์ไอเอ (RIA) ของทางการรัสเซียรายงานว่า ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ผู้นำเบลารุส จะลงนามข้อตกลงด้านความมั่นคงที่สำคัญร่วมกันในวันศุกร์นี้ (6 ธ.ค.) โดยข้อตกลงจะครอบคลุมด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ และสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ซึ่งกำลังจะก้าวไปสู่ระเบียบโลกแบบพหุศูนย์กลาง


  • ยูเครนประกาศว่าจะไม่ยอมรับข้อต่อรองใดๆ ที่น้อยกว่าการได้เป็นสมาชิกนาโต เพื่อรับประกันความมั่นคงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนพันธมิตรทหารแห่งนี้จะเพิกเฉยต่อแรงกดดันจากเคียฟ เมินเสียงเรียกร้องให้เชิญเข้าร่วมกลุ่มในทันที ณ ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต ในเมื่อวานนี้


  • หัวหน้าฝ่ายนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กำลังมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นบนเวทีโลก พร้อมกับแนะนำให้สหรัฐอเมริกาสนับสนุนยูเครนให้ชนะสงคราม โดยระบุว่าการสนับสนุนยูเครนเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ เอง


  • กระทรวงสาธารณสุขและสื่อทางการเลบานอน เผยว่ากองทัพอิสราเอลโจมตีด้วยโดรนและปืนใหญ่รอบใหม่ทางตอนใต้ของประเทศเมื่อวันอังคาร หลังจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกันมีผลบังคับใช้ได้ไม่ถึงสัปดาห์


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดแข็งค่าที่ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.20 บาท แนวต้าน 34.50 บาท


  • นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในการขยายระยะเวลาหลักการแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้านำเข้าราคาไม่เกิน 1,500 บาท เป็นการชั่วคราวตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 68 เพื่อเป็นการป้องกันสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมายจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ และจะเป็นการส่งเสริม SMEs ของไทยด้วย


  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อน


  • สภาผู้ส่งออก คาดการณ์ว่า การส่งออกของไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ 1-3% ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณการส่งออกไทยปีนี้ เป็น 3.5-4% สูงกว่าประมาณการที่วางไว้เดิม 1-2% เนื่องจากการส่งออกของไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.67) สามารถทำได้ดี ส่งผลให้เฉลี่ย 10 เดือนแรก การส่งออกขยายตัวแล้ว 4.9% ดังนั้นในช่วงอีก 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.) จึงเชื่อว่าจะทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

 



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com