• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2567

    9 ธันวาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ หลังจากการรายงานข้อมูลจ้างงานเดือนพ.ย.ของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 15.84 เหรียญ หรือ 0.6% อยู่ที่ระดับ 2,647.82 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น
  •  11.20 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 2,659.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 871.94 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ขายสุทธิ 6.61 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 7.17 ตัน


  • ราคาทองคำได้แรงหนุนจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 202,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค


  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนได้เริ่มกลับมาซื้อทองคำเข้าคลังสำรองอีกครั้งในเดือนพ.ย. หลังจากหยุดพักไปเป็นเวลา 6 เดือน


  • การถือครองทองคำของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 72.96 ล้านทรอยออนซ์ ณ สิ้นเดือนพ.ย. จาก 72.80 ล้านทรอยออนซ์ในเดือนต.ค.


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.23 จุด หรือ 0.22% มาอยู่ที่ระดับ 106.02 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.145% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.102% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.04%


  • โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า PBOC จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.40% ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปีปฏิทินนับตั้งแต่ปี 2558 และจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วัน ลดลงเหลือ 1.1% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่าจะแบงก์ชาติจีนจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.30%


  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจากแมกควอรีกล่าวว่า จีนกำลังเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในด้านเงินฝืด และ PBOC จำเป็นต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ พร้อมคาดการณ์ว่าจีนจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.4% ในปีหน้าเช่นกัน โดยคาดว่าการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในปีหน้าอาจฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนลง 0.5% นั้น มองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ PBOC ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศด้านอื่นๆ อาจช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ โดยถูกกดดันจากหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป (UnitedHealth Group) ซึ่งร่วงลง 5.1% ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานซึ่งบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนนี้


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,642.52 จุด ลดลง 123.19 จุด หรือ -0.28%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,090.27 จุด เพิ่มขึ้น 15.16 จุด หรือ +0.25% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,859.77 จุด เพิ่มขึ้น 159.05 จุด หรือ +0.81%


  • ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นครั้งที่ 57 ของปีนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นครั้งที่ 36 ของปีนี้


  • จีนเปิดเผยว่า มูลค่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนรวมอยู่ที่ 3.2659 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนพ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 0.15% จากสิ้นเดือนต.ค.


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงมากกว่า 1% ในวันศุกร์ และลดลงในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันจะล้นตลาดในปีหน้าเนื่องจากมีความต้องการที่อ่อนแอ แม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสได้ตัดสินใจเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตและขยายเวลาปรับลดการผลิตไปจนถึงปลายปี 2569


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 67.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.35% ปิดที่ 71.12 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงมากกว่า 2.5% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.2%


  • บ็อบ ยอว์เกอร์ ผู้อำนวยการด้านฟิวเจอร์พลังงานของมิซูโฮ (Mizuho) กล่าวว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกที่อ่อนแอและความเป็นไปได้ที่โอเปกพลัสจะเพิ่มการผลิตทันทีที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย


  • แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) คาดการณ์ว่า การเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันส่วนเกินจะทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2568 ขณะที่การขยายตัวของความต้องการน้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นเป็น 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า


  • เอชเอสบีซี (HSBC) คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดจะลดลงเหลือ 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน


  • เบเกอร์ ฮิวจ์ส (Baker Hughes) บริษัทบริการด้านพลังงานของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้น 5 แท่นเป็น 482 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่กลางเดือนต.ค. ขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะก๊าซเพิ่มขึ้น 2 แท่นเป็น 102 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.


  • ซาอุดิอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันสำหรับตลาดเอเชียมากกว่าที่คาดในเดือนมกราคม โดย Saudi Aramco จะขายน้ำมันดิบ Arab Light ที่ส่วนต่าง พรีเมียม 0.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจาก 1.70 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม สะท้อนภาวะตลาดที่อ่อนแอจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวโดยเฉพาะในจีน ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงเหลือเพียง 71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้กลุ่ม OPEC+ จะเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิตออกไป อีก 3 เดือนก็ตาม

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • กองกำลังกบฏซีเรียยึดกรุงดามัสกัสได้สำเร็จ ทำให้การปกครองของตระกูลอัสชาดที่ยาวนานกว่า 50 ปีสิ้นสุดลง โดยประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสชาด ได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีประกาศพร้อมร่วมมือกับผู้นำคนใหม่ที่ประชาชนเลือก การล่มสลายของรัฐบาลอัสชาดเกิดขึ้นหลังกลุ่มกบฏเปิดฉากโจมตีและยึดเมืองสำคัญตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ท่ามกลางการสนับสนุนที่ลดลงจากพันธมิตรอย่าง รัสเซียที่มุ่งเน้นสงครามยูเครน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่อ่อนกำลังจากความขัดแย้งกับอิสราเอล


  • กองกำลังป้องกันอิสราเอล(IDF)แถลงยืนยันว่ากองทัพอากาศอิสราเอลได้โจมตีนักรบกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเลบานอนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ธ.ค.)


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


 

  • นักบริหารการเงิน เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.06 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ  34.07 บาทต่อดอลลาร์

 

  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าการปฏิรูปรายได้ภาครัฐและการปรับโครงสร้างภาษีมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในระยะปานกลางและระยะยาว แนวทางที่เหมาะสมในการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายภาครัฐจะนำมาสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึ งทำให้ความสามารถในการแข่งขันดีขึ้นและลดความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจไทยมีอัตราขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาอย่างต่อเนื่องหลายปี มีความจำเป็นต้องทำงบประมาณขาดดุลอย่างต่อเนื่องมากกว่า 20 ปีและหนี้สาธารณะพุ่งขึ้นมาอยู่เหนือ 60% ต่อจีดีพีตั้งแต่ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโควิดปี 2563

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com