• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 16 ธันวาคม 2567

    16 ธันวาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันศุกร์ จากแรงขายทำกำไรหลังจากราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี และถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นด้วย แต่ราคาทองคำยังคงปิดบวกในรอบสัปดาห์ จากความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์นี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -27.03 เหรียญ หรือ -1.01% อยู่ที่ระดับ 2,653.67 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 33.60 เหรียญ หรือ 1.24% ปิดที่ 2,675.80 เหรียญ
  • สัญญาทองคำปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์สหรัฐยังคงทรงตัวที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 4.6 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 863.9 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ขายสุทธิ 14.65 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 15.21 ตัน


  • นักยุทธศาสตร์ตลาดอาวุโสที่อาร์เจโอ ฟิวเจอส์ (RJO Futures) กล่าว ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างมากในปีนี้ และเรากำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของปี ซึ่งอาจเห็นการปรับตัวลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์สุดท้าย แต่ผมคิดว่าจะเป็นเพียงชั่วคราว และเชื่อว่าราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่านี้


  • นักวิเคราะห์จากจูเลียส แบร์ (Julius Baer) กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้ว เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะแข็งแกร่งขึ้นในปีหน้า ซึ่งน่าจะทำให้มีโอกาสน้อยลงสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจะมีผลเชิงบวกน้อยลงสำหรับทองคำ


  • ผลสำรวจ Kitco News Gold Survey สัปดาห์นี้นักวิเคราะห์ มีความเห็นที่สมดุลและเป็นกลางเกี่ยวกับทิศทางราคาทองคำ ในขณะที่ นักลงทุนรายย่อยยังคงมองบวกต่อทิศทางทองคำ โดยคาดหวังการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของเฟดในปี 2567


  • ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ แถลงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ธันวาคม 2567 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน พฤศจิกายน 2567 จากระดับ 67.13 จุด มาอยู่ที่ 67.21 เพิ่มขึ้น 0.08 จุด หรือคิดเป็น 0.13% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นนั้น ได้แก่ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย แรงซื้อเก็งกำไร เงินบาทอ่อนค่า นโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.14 จุด หรือ -0.13% มาอยู่ที่ระดับ 106.83 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.391% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.243% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.15%


  • บรรดานักลงทุนคาดการณ์ในขณะนี้ว่า มีโอกาส 97% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้


  • นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การแสดงความคิดเห็นของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อวิเคราะห์นโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในปี 2568 โดยเฉพาะในแง่ของแผนภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอีก


  • ธนาคารกลางญี่ปุ่นเตรียมหารือแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้  โดยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ ยังเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการตัดสินใจครั้งนี้ 


  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Totan Research คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมกราคม และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในเดือนธันวาคมนี้"


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา โดยดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดบวกต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,828.06 จุด ลดลง 86.06 จุด หรือ -0.20%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,051.09 จุด ลดลง 0.16 จุด หรือ -0.003% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,926.72 จุด เพิ่มขึ้น 23.88 จุด หรือ +0.12%


  • ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับ 105,000 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินหน้าจัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์ทางยุทธศาสตร์ (Bitcoin Strategic Reserve Rund)


  • การปล่อยกู้ใหม่ของธนาคารในจีนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนพ.ย. ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการสินเชื่อที่อ่อนแอในจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายให้คำมั่นว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม


  • รองผู้อำนวยการคณะกรรมการด้านกิจการการเงินและเศรษฐกิจของรัฐบาลกลางจีนกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวราว 5% ในปีนี้ และคาดว่าจะมีส่วนช่วยเกือบ 30% ในการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันศุกร์ (13 ธ.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า การคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับรัสเซียและอิหร่านอาจทำให้อุปทานตึงตัวขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในยุโรปและสหรัฐฯ อาจช่วยหนุนความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 74.49 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานระบุ ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมาจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นต่อรัสเซียและอิหร่าน, แนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น, สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในตะวันออกกลาง และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์หน้า


  • เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป (EU) ตกลงที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งที่ 15 ในสัปดาห์นี้ อันเนื่องมาจากสงครามของรัสเซียกับยูเครน โดยมุ่งเป้าไปที่กองเรือบรรทุกน้ำมันเงาของรัสเซีย (shadow tanker fleet) ขณะที่สหรัฐฯ ก็กำลังพิจารณาดำเนินการในลักษณะเดียวกัน 
  • ข้อมูลจากจีนในสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่าการนำเข้าน้ำมันดิบของประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน โดยคาดว่าระดับการนำเข้าน้ำมันจะยังคงสูงต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2568 เนื่องจากโรงกลั่นเลือกที่จะเพิ่มการจัดหาน้ำมันจากซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดเนื่องจากมีราคาที่ถูกลง ขณะที่โรงกลั่นอิสระเร่งใช้โควตาการนำเข้าของพวกเขา


  • สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2568 เป็น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่คาดไว้ที่ 990,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อเดือนที่แล้ว โดยอ้างถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน


  • ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จำนวน 4 คนสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หากอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ตามที่คาดการณ์ไว้ โดยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงสามารถกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเพิ่มความต้องการน้ำมัน
 

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนีแจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ว่า พวกเขาพร้อมที่จะกลับไปใช้มาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศทั้งหมดต่ออิหร่านหากจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์


  • รัสเซียโจมตียูเครน เดินหน้าผลัดกันโจมตีทางอากาศ เจ้าหน้าที่รัสเซียเปิดเผยว่า ยูเครนส่งโดรนเข้ามาโจมตีพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ ทั้งยังทำให้เกิดไฟไหม้ที่คลังน้ำมันสำคัญแห่งหนึ่ง หลังมอสโกทำการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่เข้าใส่ยูเครน ในระดับที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุว่า เป็นปฏิบัติการทิ้งระเบิดใส่พื้นที่ด้านพลังงานที่หนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่สงครามนี้ปะทุขึ้นมาเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน

  • อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล กล่าวในวันอาทิตย์ว่า ยังคงมีความเสี่ยงของภัยคุกคามจากซีเรียอยู่ และความเสี่ยงดังกล่าวก็เพิ่มสูงขึ้นหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศนี้ แม้ว่าผู้นำกลุ่มต่อต้านรัฐบาลปธน.อัซซาดจะนำเสนอภาพลักษณ์ที่โน้มเอียงมาทางสายกลางมากขึ้นก็ตาม อ้างอิงแถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหม และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้ทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่ซีเรียหลายสิบครั้ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องภัยคุกคามต่อความมั่นคง

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.14 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.75-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.00-34.30 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานดัชนี PMI ของประเทศเศรษฐกิจหลัก และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน)

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com