• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2567

    19 ธันวาคม 2567 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 5 หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ พร้อมทั้งส่งสัญญาณถึงแนวทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ระมัดระวังมากขึ้นในปีหน้า


  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 8.70 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 2,653.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -40.0 เหรียญ หรือ -1.51% อยู่ที่ระดับ 2,606.0 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.29 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 863.9 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ขายสุทธิ 14.65 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 15.21 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.16 จุด หรือ 1.08% มาอยู่ที่ระดับ 108.09 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.12 % มาอยู่ที่ระดับ 4.506% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.11 % มาอยู่ที่ระดับ 4.344% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.16%


  • เฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 ลงเพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนก.ย.ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% ในปี 2568


  • นอกจากนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเฟดจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา


  • ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2567, 2568, 2569 และ 2570 ที่ระดับ 2.5%, 2.1%, 2.0% และ 1.9% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนก.ย.ว่าจะขยายตัว 2.0% ทุกปี


  • ทางด้านเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคตนั้น จะเป็นไปอย่างระมัดระวังและจะขึ้นอยู่กับว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงหรือไม่ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเฟดเริ่มตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่ภาวะเศรษฐกิจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ


  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 18 ธ.ค. ตามเวลาสหรัฐฯ โดยระบุว่า ข้อมูลที่เฟดได้รับเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง และนับตั้งแต่ต้นปีนี้ การจ้างงานชะลอตัวลง ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อมีความคืบหน้าในการเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายของคณะกรรมการเฟดที่ระดับ 2% แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า BOK จะคงเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ระดับ 2% ต่อไปจนกว่าจะมีการทบทวนนโยบายครั้งถัดไป เนื่องจากยุคของเงินเฟ้อต่ำไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นใน 1 หรือ 2 ปีข้างหน้า


  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดฉากการประชุมเมื่อวานนี้เป็นวันแรก ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า BOJ จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพราะต้องการรอดูว่าการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับคืนสู่ทำเนียบขาวจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อตลาดและเศรษฐกิจสหรัฐฯ


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1,000 จุดในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกัน 10 วันทำการ ซึ่งเป็นสถิติการปิดลบที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2517


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,326.87 จุด ลดลง 1,123.03 จุด หรือ -2.58%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,872.16 จุด ลดลง 178.45 จุด หรือ -2.95% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,392.69 จุด ลดลง 716.37 จุด หรือ -3.56%


  • สำนักข่าวนิกเกอิของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า มาตรการด้านภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะฉุดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ลดลง 1.1% ในปี 2570 เนื่องจากมาตรการดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและการจ้างงานในสหรัฐฯ


  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนพ.ย. เนื่องจากเงินเยนที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ส่งออก ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ราคาน้ำมันลดช่วงบวกหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 73.39 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 934,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค. ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ว่า โอเปกพลัสกังวลว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ อาจพุ่งสูงขึ้นอีก หากโดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนสู่ทำเนียบขาว เพราะจะยิ่งทำให้ส่วนแบ่งตลาดของโอเปกพลัสหดตัว และขัดขวางความพยายามรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • กลุ่มฮามาสยินยอมที่จะปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์ รวมทั้งผู้สูงอายุ และทหารหญิงที่ถูกควบคุมตัวในฉนวนกาซา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส


  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่า เคียฟจะไม่เร่งรีบตกลงหยุดยิงใดๆกับรัสเซีย พร้อมระบุเขาไม่เต็มใจยอมประนีประนอมใดๆเพื่อบรรลุสันติภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดินแดนหรือประเด็นความทะเยอทะยานของเคียฟในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตและอียู

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.57 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.24 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.40 บาท แนวต้าน 34.70 บาท


  • ธนาคารแห่งประเทศไทย คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 2024 หลังจากการลดดอกเบี้ยที่ไม่คาดคิด 25 จุดพื้นฐานในเดือนตุลาคม ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด


  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 68 จะขยายตัวได้ 2.9% ซึ่งปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนต.ค.ที่ 3% เนื่องจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจในปีหน้ามีมากขึ้นจากความไม่แน่นอนสูงขึ้น ทำให้เห็นโอกาสที่เศรษฐกิจไทยอาจจะโตไม่ถึงตัวเลขที่เคยประมาณการไว้ และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเติบโตได้ต่ำกว่า 2.9% ซึ่ง กนง.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป


  • รมว.พาณิชย์ ระบุว่า การส่งออกของไทยในปี 67 มีโอกาสจะเติบโตได้ถึง 5% มูลค่าทะลุ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทประมาณ 10 ล้านล้านบาท ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ในปี 68 คาดว่าการส่งออกจะเติบโตได้ราว 2-3%

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com