• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 2 มกราคม 2568

    2 มกราคม 2568 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 27.4 เหรียญ หรือ 1.05% อยู่ที่ระดับ 2,633.46 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 22.9 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 2,641.0 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 872.52 ตัน ภาพรวมเดือนธันวาคม ขายสุทธิ 6.03 ตัน


  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของเฟด นอกจากนี้ จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ ได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.36 จุด หรือ 0.33% มาอยู่ที่ระดับ 108.45 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.573% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.242% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.33%


  • คริสติน ลาการ์ด เผย ECB จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ในปี 2568 โดยอัตราการเติบโตของราคาผู้บริโภคในยูโรชะลอตัวลงในช่วงปีที่แล้ว และต่ำกว่าเป้าหมายของ ECB ในเดือนกันยายน แม้ว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อัตราการเติบโตจะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวดังกล่าวทำให้ธนาคารกลางสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ 4 ครั้ง และนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีการลดลงอีก 4 ครั้งภายในเดือนมิถุนายน


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดขยับลงเล็กน้อยในการซื้อขายเมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2567 โดยเมื่อรวมทั้งปีแล้ว ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 20% เป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ย ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI)


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,544.22 จุด ลดลง 29.51 จุด หรือ -0.07%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,881.63 จุด ลดลง 25.31 จุด หรือ -0.43% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,310.79 จุด ลดลง 175.99 จุด หรือ -0.9%


  • ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 23.31% ในปี 2567 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 24.2% ในปีก่อนหน้า และเมื่อนับรวมในรอบ 2 ปีก็เพิ่มขึ้นถึง 53% ทำสถิติดีที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยพุ่งขึ้นเกือบ 66% ในรอบปี 2540 และ 2541


  • ขณะเดียวกัน ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 12.88% ในปี 2567 ส่วน Nasdaq พุ่งขึ้นถึง 28.64%


  • กระแส AI ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ดัชนีหุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งในปีนี้ โดยเฉพาะหุ้น Nvidia และ Apple ที่พุ่งขึ้นถึง 171% และ 30% ตามลำดับ


  • ส่วนความเคลื่อนไหวในสหรัฐฯ ก็ช่วยกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลังอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยลง 1% มาตั้งแต่เดือนกันยายน ซึ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนก็ส่งผลบวกต่อตลาด เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังนโยบายลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบภายใต้รัฐบาลชุดใหม่


  • อย่างไรก็ดี ตลาดเผชิญแรงเทขายในการซื้อขายช่วงท้าย ๆ ของปี 2567 เนื่องจากนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงตลอดปี ประกอบกับความกังวลเรื่องดอกเบี้ย


  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของของจีนจะขยายตัว 5% ในปี 2567 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้


  • นักวิเคราะห์จากหลายสำนัก ซึ่งรวมถึงสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) คาดการณ์ว่า ราคาบิตคอยน์จะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2568 หลังจากทะยานขึ้นทะลุแนวต้านที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์ได้สำเร็จในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีเมื่อเขากลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในปีหน้า


  • ผลสำรวจภาคเอกชน ชี้ ภาคการผลิตของญี่ปุ่นในเดือนธ.ค.หดตัวในอัตราที่ชะลอลง หลังการลดลงของการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่เริ่มบรรเทาลง ใกล้เคียงกับภาวะทรงตัวมากขึ้น หลังเผชิญภาวะหดตัวมาอย่างต่อเนื่อง


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นเดือนธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 49.6 ซึ่งเป็นการหดตัวที่น้อยที่สุดในรอบ 3 เดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นที่ 49.5 แแต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 50.0 เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน 


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยหนุนหลังจากที่จีนซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนธ.ค.


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.03% ปิดที่ 71.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 74.64 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เมื่อคำนวณรวมทั้งปีแล้ว ราคาน้ำมันในปี 2567 ร่วงลงราว 3% โดยลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่สอง สาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวหลังยุคโควิด ปัญหาเศรษฐกิจจีนที่ส่อแววซบเซา รวมถึงการที่สหรัฐฯ และประเทศนอกกลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดที่มีน้ำมันล้นอยู่แล้ว


  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลงประมาณ 3% เมื่อเทียบกับราคาปิดปี 2566 ที่บาร์เรลละ 77.04 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ทรงตัวใกล้เคียงกับราคาปิดปี 2566


  • นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ตลาดน้ำมันปี 2568 อาจตึงตัวขึ้น โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะเรื่องมาตรการคว่ำบาตร

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

 


  • ยูเครนประกาศยุติการขนส่งก๊าซรัสเซียสู่ยุโรปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากสัญญาการขนส่งก๊าซผ่านท่อส่งหลักหมดอายุลง การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลให้ประเทศในยุโรปกลาง ซึ่งพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งนี้เป็นหลัก ต้องหันไปพึ่งพาแหล่งก๊าซอื่นที่มีราคาสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนพลังงานของภูมิภาคเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะเดียวกัน สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากยุโรปกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานและใช้ก๊าซสำรองในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบหลายปี"


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.30 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันทำการก่อนหน้านี้ ที่ระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 34.15 บาท แนวต้าน 34.45 บาท





ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com