• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 9 มกราคม 2568

    9 มกราคม 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน


  • เมื่อคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ การจ้างงานของภาคเอกชน ADP Non farm ลดน้อยลงจากครั้งก่อน โดยอยู่ที่ระดับ 122,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.67 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 67 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 139,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 146,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ย. ซึ่งตัวเลขจ้างงานในภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ เนื่องจากการจ้างงานที่ซบเซาลงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความอ่อนแอมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอาจทำให้เฟดใช้ความระมัดระวังน้อยลงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้


  • แต่ขณะเดียวกันราคาทองคำยังคงมีแรงกดดัน จากด้านตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก กลับดีขึ้น โดยลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2567 


  • ในเวลาต่อมาช่วงตี 2 มีรายงานการประชุม Fed จากการประชุมเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ที่สำคัญ แต่ตอกย้ำว่าเจ้าหน้าที่ Fed ต้องการชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อประเมินสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างรอบคอบ โดยในการประชุมดังกล่าว Fed ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ลง 0.25% สู่ระดับ 4.25%- 4.5% และผู้เข้าร่วมประชุมบางส่วนสนับสนุนให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม


  • ทำให้ราคาทองคำในช่วงเช้านี้ขยับลดลงมาอยู่ที่ 2,659 เหรียญ จากระดับสูงสุดที่บริเวณ 2,670 เหรียญ
  • ด้านทองไทยขยับขึ้นมาที่บริเวณ 43,500 บาท ได้รับแรงหนุนทั้งทองโลก และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เช้านี้อยู่ที่ 34.65 บาท/ดอลลาร์


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ อ่อนแอลงในเดือนธ.ค. 


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 8.79 เหรียญ หรือ 0.33% อยู่ที่ระดับ 2,657.44 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 2,672.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 871.08 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 1.44 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 1.44 ตัน

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.39 จุด หรือ 0.36% มาอยู่ที่ระดับ 109.01 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.675% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.274% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.4%


  • คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด ส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ โดยกล่าวว่า เขาเห็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลง และหากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวสอดคล้องกับมุมมองของเขา เขาก็จะสนับสนุนให้เฟดยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้


  • ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะยังคงชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ จนแตะเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% แต่ก็เตือนว่าเจ้าหน้าที่เฟดควรใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน


  • เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค. และคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค.หรืออาจจะเป็นเดือนมิ.ย.


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนซึมซับข้อมูลแรงงานที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแผนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อให้เขามีอำนาจในการใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้า


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,635.20 จุด เพิ่มขึ้น 106.84 จุด หรือ +0.25%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,918.25 จุด เพิ่มขึ้น 9.22 จุด หรือ +0.16%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,478.88 จุด ลดลง 10.80 จุด หรือ -0.06%


  • ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในช่วงแรก ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยบรรยากาศการซื้อขายในระหว่างวันถูกกดดันจากรายงานของสำนักข่าว CNN ซึ่งระบุว่า หลังการสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์อาจใช้คำสั่งประธานาธิบดีตามกฎหมายอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (International Economic Emergency Powers Act) หรือ IEEPA เพื่อประกาศใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้า โดยจะให้อำนาจประธานาธิบดีในการควบคุมการนำเข้าสินค้าในยามที่สหรัฐฯ ประสบวิกฤตการณ์


  • จีนเตรียมอัดฉีดเงินอุดหนุนสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น และเพิ่มงบประมาณสำหรับการอัปเกรดอุปกรณ์อุตสาหกรรม ซึ่งมุ่งเสริมสร้างการบริโภคภายในประเทศ ท่ามกลางแรงกดดันด้านการส่งออกที่เพิ่มขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 73.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 89 เซนต์ หรือ 1.16% ปิดที่ 76.16 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงกว่า 1% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ โดยระบุว่าสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 6.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล


  • รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 959,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล


  • ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.5% แตะที่ 109.090 ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและขอคัดค้านการที่สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีบริษัทจีนบางแห่งเป็นบริษัทของกองทัพ


  • กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า ทหารอิสราเอลได้พบร่างของนายยูสเซฟ ไซยาดเน วัย 53 ปี ซึ่งเป็นชาวอิสราเอลเชื้อสายเบดูอินที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซาในการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  34.65 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ที่ระดับ  34.64 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.75 บาทต่อดอลลาร์


  • ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ 2.4 – 2.9% ขณะที่การส่งออกในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.5-2.5% ต่ำกว่าปี 2567 ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำที่ 0.8-1.2% 

 

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com