• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 24 มกราคม 2568

    24 มกราคม 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน


  • ตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน เพิ่มสูงขึ้นที่ 223K มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 221K และสูงกว่าครั้งก่อนที่ 217K 


  • ต่อมา ปธน.ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum  ที่เมืองดาวอส ว่าผมขอเรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที และเช่นเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกควรจะปรับลดลงตามเราซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเขาจะผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง นอกจากนี้ คำพูดดังกล่าวยังบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์กำลังกดดันเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งถูกปธน.ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงิน


  • แม้ว่าปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที แต่ในด้านของ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.


  • ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะทำให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคริปโทเคอร์เรนซี และเขาจะผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลง และกระตุ้นการผลิตเชื้อเพลิงจากฟอสซิลในสหรัฐ


  • และได้แสดงความความกดดันต่อราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ทรัมป์ยังแสดงความต้องการที่จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมยานยนต์และสินค้าเกษตรกรรม ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องลดการขาดดุลการค้ากับยุโรป และเขาจะพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากเยอรมนีและฝรั่งเศส ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองภูมิภาค


  • ส่งผลให้ ช่วง 23.00 น. ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลง -0.54% จากระดับ 108.50 จุด ลงมาที่ 107.92 จุด ก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อยเช้านี้ที่ระดับ 108.13 จุด และทำให้ราคาทองคำกลับพุ่งสูงขึ้นได้ต่อเช้านี้ขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 2,762 เหรียญ


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี ก่อนปรับตัวขึ้นในเช้านี้ หลังจากนักลงทุนประเมินการแสดงความเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ต้องการให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 4.69 เหรียญ หรือ 0.17% อยู่ที่ระดับ 2,760.43 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 5.90 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 2,765.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 5.17 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 864.19 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 8.33 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 8.33 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.07 จุด หรือ -0.06% มาอยู่ที่ระดับ 108.18 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.642% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.276% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.37%


  • ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลงแตะระดับ 4.646% หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์


  • ในตลาดเอเชีย ดัชนีหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี จาก 0.25% สู่ 0.5% เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน


  • นักวิเคราะห์จาก Commonwealth Bank of Australia ระบุว่า หาก BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจมีการส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (BOJ กลัวเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย Black Monday)


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพฤหัสบดี ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและลดราคาน้ำมัน ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF)


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,565.07 จุด เพิ่มขึ้น 408.34 จุด หรือ +0.92%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,118.71 จุด เพิ่มขึ้น 32.34 จุด หรือ +0.53% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,053.68 จุด เพิ่มขึ้น 44.34 จุด หรือ +0.22%


  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าในปี 2567 ลดลง 44% แตะที่ระดับ 5.33 ล้านล้านเยน (3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากระดับของปีก่อนหน้า เนื่องจากการส่งออกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์รถยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดราคาน้ำมัน ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF)


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 82 เซนต์ หรือ 1.09% ปิดที่ 74.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 71 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 78.29 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวในการประชุม WEF ที่เมืองดาวอสว่า เขาเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียและโอเปกปรับลดราคาน้ำมัน เพื่อกดดันให้รัสเซียยุติการทำสงครามในยูเครน


  • ทางด้านรัฐบาลซาอุดีอาระเบียยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับคำเรียกร้องของปธน.ทรัมป์


  • สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล


  • ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.0 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรที่คาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะนำมาใช้กับประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ นั้น สามารถมองในแง่บวกได้ แม้มีกระแสความวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลกและทำให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอีก แต่ไดมอนกล่าวว่าหากมาตรการนี้ถูกนำมาใช้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกา และจะดึงประเทศคู่ค้ากลับสู่โต๊ะเจรจาเพื่อทำข้อตกลงที่ดีขึ้นสำหรับสหรัฐฯ


  • ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ผู้นำเม็กซิโกเปิดเผยว่า เม็กซิโกและสหรัฐฯ ได้เริ่มเจรจาอย่างเป็นทางการในประเด็นที่สำคัญอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นผู้อพยพและความมั่นคง


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.99 บาทต่อดอลลาร์ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.80-34.15 บาทต่อดอลลาร์


  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2568 การส่งออกไทย จะขยายตัวได้ 2.5% มีแนวโน้มเติบโตได้ต่ำกว่าปี 2567 ที่ขยายตัวได้ 5.4% โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ยังมีแรงหนุนบางส่วนจากการเร่งนำเข้าสินค้า ก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังมีอยู่


  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ประเมินว่า ไทยมีความเสี่ยงจะถูกเพ่งเล็งจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้นโยบาย Trump 2.0 สูงเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียนรองจากเวียดนาม จากการที่สหรัฐฯ เสียเปรียบทางการค้ากับไทยในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเกินดุลการค้าของไทยสูง ข้อได้เปรียบด้านต้นทุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท จำนวนคำสั่งมาตรการ AD และ CVD ในหลายประเภทสินค้า (เช่น เหล็กและโลหะ แผงโซลาร์ และเคมีภัณฑ์) สูงกว่าคู่เทียบ รวมถึงการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยในอัตราที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่ค้ารายอื่น

 


ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com