• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568

    14 กุมภาพันธ์ 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานนี้


  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนธ.ค.เช่นกัน ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และหนึ่งในเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จับตาอย่างใกล้ชิด ปรับตัวขึ้น 3.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค.


  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.547% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลง


  • สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 217,000 ราย


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 26.72 เหรียญ หรือ 0.92% อยู่ที่ระดับ 2,931.51 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 16.70 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 2,945.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.3 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 864.2 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 8.32 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.89 จุด หรือ -0.82% มาอยู่ที่ระดับ 107.03 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.535% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.312% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.22%


  • เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า แม้เฟดมีความคืบหน้าในการทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่เฟดก็ยังต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) อย่างไรก็ดี นักลงทุนคลายความกังวลเนื่องจากมาตรการดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,711.43 จุด เพิ่มขึ้น 342.87 จุด หรือ +0.77%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,115.07 จุด เพิ่มขึ้น 63.10 จุด หรือ +1.04% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,945.64 จุด เพิ่มขึ้น 295.69 จุด หรือ +1.50%


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากสหรัฐฯ เลื่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ออกไปอย่างน้อยจนถึงเดือนเม.ย.


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.11% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 75.02 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ในช่วงแรก ราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 1% หลังจากมีรายงานว่ารัสเซียและยูเครนอาจจะทำข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติการทำสงคราม ซึ่งจะทำให้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียสิ้นสุดลง และส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น


  • แต่ราคาน้ำมันลดช่วงลบ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ แต่มาตรการดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงวันที่ 1 เม.ย. โดยปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจและการค้าศึกษาในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มเติม


  • ปธน.ทรัมป์ระบุในบันทึกดังกล่าวว่าเป็นเวลาหลายปีที่สหรัฐอเมริกาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมโดยประเทศคู่ค้า ทั้งมิตรและศัตรู โดยที่ผ่านมานั้น การที่สหรัฐฯ ไม่ได้ใช้มาตรการภาษีตอบโต้ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามูลค่ามหาศาลอย่างต่อเนื่อง


  • ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า การเลื่อนเวลาบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไปจนถึงเดือนเม.ย.สะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯ จะต้องใช้เวลามากขึ้นในการเจรจาต่อรองกับประเทศคู่ค้า ซึ่งทำให้ตลาดคลายความกังวล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันถูกกดดันจากความกังวลว่าสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจายุติสงครามในยูเครน หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ต่างก็แสดงความประสงค์ที่จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพ และปธน.ทรัมป์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สหรัฐเริ่มกระบวนการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน


  • ทางด้านปธน.เซเลนสกีกล่าวว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับการเจรจาทวิภาคีใด ๆ หากยูเครนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย และยังกล่าวด้วยว่า การจัดการประชุมในยูเครนตามรูปแบบของสหรัฐฯ ควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และตามมาด้วยการเจรจากับรัสเซีย


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.68 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.80 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.55-33.85 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com