• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568

    20 กุมภาพันธ์ 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจ

 

  • Building Permits ออกมาที่ 1.48M สูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อย 1.46M ครั้งก่อนที่ 1.48M
  • Housing Starts ออกมาที่ 1.37M ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อยที่ 1.39M ครั้งก่อนที่ 1.52M

 

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

 

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ โดยตลาดถูกกดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตามาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
  • ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 12.90 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 2,936.10 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ราคาทองคำตลาดโลก เปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวขึ้น 3.0 เหรียญ หรือ 0.1% อยู่ที่ระดับ 2,936.0 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 8.04 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 877.98 ตันภาพรวมเดือนกุมภาพันธ์ ซื้อสุทธิ 13.21 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 5.46 ตัน
  • Morgan Stanley คาดการณ์ราคาทองคำปี 2568 ไว้ที่ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยชี้ว่า 'อุปสงค์ที่ลดลง' และการรีไซเคิลทองคำที่อาจทำให้มีอุปทานเพิ่มมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาทองคำ แม้ว่าความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นบ้างก็ตาม" ซึ่งสวนทางกลับ Goldman Sachs ที่เพิ่มเป็น 3,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแบงค์อื่นๆที่ปรับเพิ่มคาดการณ์
  • ตลาดทองคำจีนในประเทศ เดือนมกราคมปรับตัวดีขึ้น ธนาคารกลางซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แม้นำเข้าชะลอ และเงินทุน ETF ไหลออก แต่แนวโน้มการบริโภคทองคำยังเพิ่มขึ้น Ray Jia จาก World Gold Council (WGC) ชี้ราคาทองคำปี 2568 เริ่มต้นแข็งแกร่ง ทั้งราคา LBMA และเซี่ยงไฮ้ทำสถิติสูงสุดในรอบหลายปี

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

 

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.06 จุด หรือ -0.06% มาอยู่ที่ระดับ 107.1 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.516% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.264% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.25%



  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และกังวลว่ามาตรการต่าง ๆ ของปธน.ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการภาษีศุลกากร อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของเฟดในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
  • ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาแอตแลนตา กล่าวว่าการลดดอกเบี้ยในปีนี้ยังเป็นไปได้ โดยผู้กำหนดนโยบายกำลังพิจารณาเศรษฐกิจและนโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ "ผมยังไม่ตัดความเป็นไปได้ใดๆ และยังไม่เพิ่มอะไรเข้าไป" ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนที่แล้ว หลังลดลงสามครั้งติดต่อกัน เนื่องจากกังวลเรื่องเงินเฟ้อในอนาคต
  • ฟิลิป เจฟเฟอร์สัน รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย เขายังชี้ว่าครัวเรือนส่วนใหญ่มีฐานะการเงินดี ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังสูง แต่ครัวเรือนรายได้น้อยบางส่วนเริ่มมีปัญหาทางการเงิน "แม้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว แต่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง" เจฟเฟอร์สันกล่าวว่า "ด้วยเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง เราจึงมีเวลาที่จะพิจารณาข้อมูลต่างๆ ก่อนตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย"
  • Peter Boockvar ผู้เขียน “The Boock Report” มองว่า Fed ยังคงมีท่าทีพร้อมลดดอกเบี้ยหากเห็นความจำเป็นในอนาคต แต่ตอนนี้ขอนิ่งก่อนเนื่องจากต้องการรอให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงและประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

 

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (19 ก.พ.) ส่วนดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันวันที่ 2 ขณะที่นักลงทุนประเมินรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และซึมซับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่วางแผนใช้มาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่
  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,627.59 จุด เพิ่มขึ้น 71.25 จุด หรือ +0.16%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,144.15 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือ +0.24% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,056.25 จุด เพิ่มขึ้น 14.99 จุด หรือ +0.07%
  • Andrew Slimmon ผู้จัดการพอร์ตอาวุโสจาก Morgan Stanley Investment Management แนะว่าหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินน่าสนใจ แต่ก็ไม่ควรเทขายหุ้นเทคโนโลยีทิ้งทั้งหมด เนื่องจากยังมีโอกาสเติบโต

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (19 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในรัสเซียและสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 72.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.26% ปิดที่ 76.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า การที่ยูเครนส่งโดรนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของรัสเซียจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันปรับตัวลดลง
  • นักลงทุนรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย หลังจากมีรายงานว่าสหภาพยุโรป (EU) เห็นชอบให้มีการใช้มาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 16 ต่อรัสเซีย โดยมาตรการคว่ำบาตรรอบนี้ประกอบด้วยการสั่งห้ามนำเข้าอะลูมิเนียมจากรัสเซีย และการขึ้นบัญชีรายชื่อกองเรือเงาหรือ shadow fleet (เรือบรรทุกน้ำมันเก่าที่ถูกนำมาใช้ลักลอบขนส่งน้ำมันเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย) เพิ่มอีก 73 ลำ
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

 

  • นักลงทุนจับตาการประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขามีความตั้งใจที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และยาก็จะอยู่ในอัตราเดียวกัน หรืออาจจะสูงกว่า โดยปธน.ทรัมป์ระบุว่าอาจจะมีการประกาศอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย.
  • ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทของญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้ อาจจะได้รับผลกระทบอย่างมากหากปธน.ทรัมป์นำมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์มาใช้
  • ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะช่วยฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศ และจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยในสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค.
  • พอล นอลเต้ นักวิเคราะห์จากบริษัท Murphy & Sylvest กล่าวว่า นักลงทุนมองว่าความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์ครั้งนี้อาจต้องการเปิดทางให้ประเทศต่าง ๆ เข้ามาเจรจาต่อรอง หรือเป็นการขู่มากกว่าที่จะลงมือทำจริง
  • ทรัมป์ กล่าวโทษยูเครนเป็นต้นเหตุของสงครามรัสเซีย ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อประเทศและคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วหลายพันคน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกดดันและสนับสนุนอีกหนึ่งแนวคิดที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเคยกล่าวไว้ นั่นคือ ยูเครนควรจัดการเลือกตั้ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามเริ่มต้นกระบวนการผลักดัน เซเลนสกีออกจากตำแหน่ง

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

 

  • นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท ยังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม 
  • โดยเงินบาท (USDTHB) อาจยังมีโซนแนวต้านแถว 33.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 34.00 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่โซนแนวรับยังคงเห็นในช่วง 33.60-33.70 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับสำคัญถัดไป 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากเงินบาทแข็งค่าทะลุโซนดังกล่าว ก็อาจแข็งค่าต่อได้ถึงโซน 33.30 บาทต่อดอลลาร์)
  • ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมิน GDP ไทยปี 2568 ขยายตัว 2.7% ดีขึ้นจาก 2.5% ในปีที่ผ่านมา โดยมีแรงหนุนมาจากการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มกลับมาเติบโต 3.0% จากที่เคยหดตัว -1.6% ในปี 2567 จากอานิสงส์ของการไหลเข้ามาของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) คาด 3 ธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ในระยะแรก ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้าง

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com