• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568

    26 กุมภาพันธ์ 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจ


  • S&P/CS Composite-20 HPI y/y ออกมาสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 4.5% คาดการณ์ 4.4% ครั้งก่อน 4.3%
  • CB Consumer Confidence ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 98.3 คาดการณ์ 102.7 ครั้งก่อน 104.1
  • Richmond Manufacturing Index ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ที่ 6 คาดการณ์ -3 ครั้งก่อน -4


  • โดยภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงอย่างมากเกือบ 7% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งสะท้อนมุมมองและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ต่อสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและอนาคต สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -24.98 เหรียญ หรือ -0.85% อยู่ที่ระดับ 2,927.86 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 44.40 เหรียญ หรือ 1.50% ปิดที่ 2,918.80 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 0.29 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 907.82 ตันภาพรวมเดือนกุมภาพันธ์ ซื้อสุทธิ 43.05 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 35.3 ตัน


  • ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวม 11 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.49 จุด หรือ -0.46% มาอยู่ที่ระดับ 106.28 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 4.291% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.094% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.2%


  • ทอม บาร์กิน ประธานเฟดริชมอนด์ กล่าวว่า เขาจะรอดูความชัดเจนของสถานการณ์เงินเฟ้อ ก่อนตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมาย 2% เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งจากนโยบายของรัฐบาลและปัจจัยอื่นๆ ทำให้เฟดต้องระมัดระวังในการตัดสินใจ


  • นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และมีโอกาสที่จะลดอีกครั้งในเดือนกันยายน โดยพิจารณาจากผลสำรวจที่บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงและเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น


  • ผลสำรวจจาก Conference Board เผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ ดิ่งลงเหวในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง สะท้อนความกังวลต่อผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะสูงถึง 6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร แต่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 หลังมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.พ. ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,621.16 จุด เพิ่มขึ้น 159.95 จุด หรือ +0.37%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,955.25 จุด ลดลง 28.00 จุด หรือ -0.47% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,026.39 จุด ลดลง 260.54 จุด หรือ -1.35%


  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเงิน 3 แสนล้านหยวน (ประมาณ 4.183 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบการเงิน โดยดำเนินการผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารของประเทศ


  • สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นการต่ออายุ MLF แบบลดขนาดลง เนื่องจากมีเงินกู้ MLF รวม 5 แสนล้านหยวนที่จะครบกำหนดในเดือนนี้


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันอังคาร เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ และเยอรมนีทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าอุปสงค์พลังงานอาจชะลอตัวลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันหลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันในหลายประเทศมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.77 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 68.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2567
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2.35% ปิดที่ 73.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 2567


  • รายงานระบุว่า อิรัก ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโอเปก และบริษัทบีพี (BP) ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซ 4 แห่งในเมืองเคอร์คุก (Kirkuk) โดยขณะนี้อิรักกำลังรอการอนุมัติจากตุรกี เพื่อที่จะเริ่มการลำเลียงน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานของอิรักอีกครั้ง


  • ส่วนในสหรัฐฯ นั้น ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าเขาต้องการให้มีการสร้างท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เอ็กซ์แอล (Keystone XL) พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะผ่อนคลายกฎระเบียบสำหรับโครงการที่จะขนส่งน้ำมันดิบจากแคนาดาไปยังสหรัฐฯ


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • ปธน.ทรัมป์กล่าวยืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก หลังสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันเป็นเวลา 30 วัน โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้แคนาดาและเม็กซิโกเพิ่มการคุมเข้มตามแนวชายแดน และสกัดการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐก่อนเส้นตายในวันที่ 4 มี.ค.
 
  • กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน โดยมาตรการดังกล่าวมีผลกระทบต่อกลุ่มนายหน้าค้าน้ำมัน ผู้ประกอบการเรือบรรทุกน้ำมัน และบริษัทขนส่งมากกว่า 30 แห่งที่ทำการจำหน่ายและขนส่งปิโตรเลียมของอิหร่าน


  • สหราชอาณาจักร (UK) ประกาศคว่ำบาตรบริษัทจีน 10 แห่ง ซึ่งถูกระบุว่ามีส่วนสนับสนุนอุตสาหกรรมกลาโหมของรัสเซีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการทางเศรษฐกิจชุดใหญ่เพื่อต่อต้านระบอบประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย นับตั้งแต่ปี 2565


  • คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีมติรับรองร่างข้อมติของสหรัฐฯ ที่แสดงจุดยืนเป็น กลางต่อสงครามในยูเครน เนื่องในวาระครบรอบ 3 ปีของการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญของรัฐบาลทรัมป์ โดยข้อมติดังกล่าวเน้นแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนและเรียกร้องให้มีการยุติความขัดแย้งโดยเร็ว ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เคยแสดงการสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจนตลอดช่วงสงคราม


  • ยูเครนเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าสำรวจและใช้ประโยชน์จากแหล่งแร่หายากในประเทศ เพื่อแลกกับการรับประกันความมั่นคง โดยทั้งสองฝ่ายเตรียมจัดตั้งกองทุนร่วมกัน จับตาการลงนามข้อตกลงระหว่างประธานาธิบดีเซเลนสกีและประธานาธิบดีทรัมป์ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

 

  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.77 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.73 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.90 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม กนง.)

 

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การประชุมกนง.ในวันนี้ มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25% ต่อเนื่อง โดยกนง. มีแนวโน้มรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจไทยภายใต้ความไม่แน่นอนที่มีอยู่สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ขณะที่โมเมนตัมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้คาดว่าจะยังขยายตัวได้ใกล้เคียงกับระดับอัตราการขยายตัวในไตรมาส 4/2567 ที่อยู่ที่ 3.2% YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเร่งส่งออก และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ

 

  • ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า มองว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะยังดีกว่าปีก่อน ซึ่งประเมินเศรษฐกิจไทยเติบโต 2.5-3% ในปีนี้

 

  • รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการส่งหนังสือถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเป็นความเห็นเกี่ยวกับการทำนโยบายการเงิน ที่จะต้องคำนึงถึงกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% รวมทั้งต้องสอดคล้องกับนโยบายการคลังด้วย ทั้งนี้ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

 

  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนม.ค.68 พบว่า การส่งออก มีมูลค่า 25,277 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.6% (YoY) จากตลาดคาดโต 7-8%ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 27,157 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 7.9% ส่งผลให้ในเดือนม.ค. ไทยขาดดุลการค้า 1,880 ล้านดอลลาร์

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com