• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568

    28 กุมภาพันธ์ 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจ


  • Prelim GDP q/q ทรงตัวที่ 2.3% จากครั้งก่อนและคาดการณ์ที่ 2.3%
  • Unemployment Claims เพิ่มสูงขึ้น 242K คาดการณ์ 222k ครั้งก่อน 220K
  • Core Durable Goods Orders m/m ต่ำลงที่ 0.0% คาการณ์ 0.2% ครั้งก่อน 0.1%
  • Durable Goods Orders m/m เพิ่มสูงขึ้น 3.1% คาดการณ์ 2.0% ครั้งก่อน -1.8%
  • Prelim GDP Price Index q/q เพิ่มสูงขึ้น 2.4% คาดการณ์ 2.2% ครั้งก่อน 2.2%


  • ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจ ด้านตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างเพิ่มขึ้น 22,000 รายจากสัปดาห์ก่อน ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณที่ตลาดแรงงานเริ่มอ่อนแอลง แต่ขณะที่ ด้าน GDP ออกมาทรงตัว รวมถึง Durable Goods ออกมาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นกว่า 0.77% ปิดที่ 107.29 จุด


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -35.66 เหรียญ หรือ -1.22% อยู่ที่ระดับ 2,880.32 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 34.70 ดอลลาร์ หรือ 1.18% ปิดที่ 2,895.90 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.86 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 906.1 ตันภาพรวมเดือนกุมภาพันธ์ ซื้อสุทธิ 41.33 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 33.58 ตัน


  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท Allegiance Gold แสดงความเห็นว่า ตลาดทองคำยังคงมีทิศทางที่ชัดเจน และการที่ราคาทองชะลอตัวลงในระยะสั้นหรือการมีแรงขายทำกำไรเข้ามาบางส่วนนั้น ถือเป็นเรื่องปกติตามวัฏจักร โดยเขาคาดการณ์ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในช่วง 30-60 วันข้างหน้า ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของตลาดที่มีต่อมาตรการภาษีศุลกากร


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.76 จุด หรือ 0.71% มาอยู่ที่ระดับ 107.29 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.233% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.028% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.21%


  • นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย สนับสนุนให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับปัจจุบัน 4.25-4.50% โดยเชื่อว่าระดับนี้จะช่วยให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% ของเฟดได้ โดยไม่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อตลาดแรงงานหรือเศรษฐกิจโดยรวม


  • เบธ แฮมแม็ก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้สักระยะ เพื่อรอหลักฐานว่าแรงกดดันเงินเฟ้อกำลังลดลงสู่เป้าหมาย 2% โดยยังคงให้เหตุผล ด้วยตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และการลดลงของเงินเฟ้อที่ยังไม่สม่ำเสมอและค่อนข้างช้า


  • เจฟฟ์ ชมิดท์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแคนซัสซิตี้ เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเผชิญกับความท้าทายจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการเติบโตที่ชะลอตัวพร้อมกัน วามกังวลว่าสหรัฐฯ อาจเผชิญกับภาวะ stagflation ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเงินเฟ้อสูงและการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายภาษีของรัฐบาลทรัมป์ต่อเศรษฐกิจ


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี ส่วนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปรับตัวลงเช่นกัน โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,239.50 จุด ลดลง 193.62 จุด หรือ -0.45%
  • ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,861.57 จุด ลดลง 94.49 จุด หรือ -1.59% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,544.42 จุด ลดลง 530.84 จุด หรือ -2.78%


  • อัตราเงินเฟ้อในโตเกียวเดือนกุมภาพันธ์ลดลงเกินคาดการณ์  โดยดัชนีราคาผู้บริโภค ออกมาที่ 2.2% ซึ่งต่ำกว่าที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดการณ์ไว้ที่ 2.3%   ส่งผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม  แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ตาม อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ยังคงทรงตัวที่ 1.9%  ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่


  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในการประชุมสองสภา (Two Sessions) ของจีนซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจีนจะยอมรับว่าอุปสงค์ภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ และจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังซึ่งมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐฯ


  • สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การประชุมสองสภาประจำปีจะเริ่มขึ้นในวันอังคารที่ 4 มี.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) และจากนั้นในวันพุธที่ 5 มี.ค.จะเป็นการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC)


  • ทางการจีนกำลังออกมาตรการใหม่ ๆ เพื่อจำกัดการไหลออกของเงินทุน รวมถึงเพิ่มการตรวจสอบการลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่ค่าเงินหยวนเผชิญแรงกดดันมากขึ้น


  • คำขู่เรื่องการเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทำให้ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ รุนแรงขึ้น และยังส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลง ขณะที่เงินหยวนอ่อนค่าลง 2.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. 2567


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปทานตึงตัว หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกใบอนุญาตของบริษัทเชฟรอน (Chevron) ในการดำเนินธุรกิจน้ำมันในเวเนซุเอลา


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.73 ดอลลาร์ หรือ 2.52% ปิดที่ 70.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 74.04 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ปธน.ทรัมป์ประกาศยกเลิกใบอนุญาตของบริษัทเชฟรอนในการดำเนินธุรกิจน้ำมันในเวเนซุเอลา โดยอ้างว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ไม่มีความคืบหน้าในการปฏิรูปการเลือกตั้งและการรับผู้อพยพชาวเวเนซุเอลากลับประเทศ


  • เชฟรอนส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาประมาณ 240,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของการผลิตน้ำมันทั้งหมดของประเทศ ซึ่งการยกเลิกใบอนุญาตนี้จะทำให้เชฟรอนไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาได้อีกต่อไป และหากบริษัทน้ำมันแห่งชาติ PDVSA ของเวเนซุเอลาพยายามส่งออกน้ำมันเหล่านี้เอง โรงกลั่นของสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถซื้อได้เนื่องจากติดมาตรการคว่ำบาตร


  • ขณะนี้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส กำลังถกเถียงกันว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย.หรือจะตรึงกำลังการผลิตเอาไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากชาติสมาชิกของโอเปกพลัสกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการประเมินภาพรวมของอุปทานน้ำมันในตลาดโลก อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรครั้งล่าสุดที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับเวเนซุเอลา อิหร่าน และรัสเซีย


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าเขากำลังวางแผนที่จะทำโครงการบัตรทอง” (Gold Card) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ร่ำรวยมาอยู่อาศัยในสหรัฐฯ​ โดยบัตรทองดังกล่าวมีมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 168 ล้านบาท แลกสิทธิการเป็นผู้ถือกรีนการ์ดในประเทศสหรัฐฯ และอาจได้เป็นพลเมืองของอเมริกาอีกด้วย


  • บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า แผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25 % จะมีผลในวันที่ 4 มีนาคมนี้ และจะเรียกเก็บภาษีจีนเพิ่มอีก 10 % มีผลในวันเดียวกัน


  • ผลการศึกษาครั้งใหม่จากกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์กบ่งชี้ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งล่าสุดซึ่งประกาศใช้โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ นั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากกว่าที่ข้อมูลการค้าของสหรัฐฯ ระบุไว้ โดยการศึกษาดังกล่าวพบว่า ผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่นำมาใช้กับจีนจะรุนแรงมากเป็นพิเศษ หากคณะบริหารของปธน.ทรัมป์ยกเลิกการปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์ต่อการนำเข้าสินค้ามูลค่าต่ำ (de minimis) หรือสินค้าที่มีมูลค่าน้อยกว่า 800 ดอลลาร์


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดอ่อนค่าที่ระดับ 34.04 บาทต่อดอลลาร์  อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.94 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับอยู่ที่ 33.90 บาท แนวต้าน 34.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com