• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 13 มีนาคม 2568

    13 มีนาคม 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจ

  • Core CPI m/m ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.2% คาดการณ์ 0.3% ครั้งก่อน 0.4%
  • CPI m/m  ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.2% คาดการณ์ 0.3% ครั้งก่อน 0.5%
  • CPI y/y ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.8% คาดการณ์ 2.9% ครั้งก่อน 3.0%
  • ภาพรวมตัวเลขทั้งหมด ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เนื่องจากบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มลดลง ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย., ก.ย.และ ธ.ค.

 

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันพุธ (12 มี.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 22.0 เหรียญ หรือ 0.75% อยู่ที่ระดับ 2,937.0 เหรียญ
  • ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 25.90 ดอลลาร หรือ 0.89% ปิดที่ 2,946.80 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 3.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 898.64 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ขายสุทธิ 5.74 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 26.12 ตัน
  • ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 25% เมื่อวานนี้ ส่งผลให้แคนาดาและสหภาพยุโรป (EU) ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.17 จุด หรือ 0.16% มาอยู่ที่ระดับ 103.59 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.308% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 3.99% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.32%

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ (12 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว
  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,350.93 จุด ลดลง 82.55 จุด หรือ -0.20%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,599.30 จุด เพิ่มขึ้น 27.23 จุด หรือ +0.49%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,648.45 จุด เพิ่มขึ้น 212.35 จุด หรือ +1.22%
  • อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงกังวลว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 25% เมื่อวานนี้ ส่งผลให้แคนาดาและสหภาพยุโรป (EU) ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
  • นักลงทุนจับตาการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (ชัตดาวน์) โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วเมื่ออังคารที่ 11 มี.ค. และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในวุฒิสภา ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องส่งให้ปธน.ทรัมป์ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์
  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า JP Morgan มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐ มีโอกาสประมาณ 40% ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2568 และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบถาวรต่อสถานะของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุน หากรัฐบาลทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อการบริหารของสหรัฐ
  • กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แปซิฟิก อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ โค หรือ PIMCO กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ประมาณ 35% ที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 15% ซึ่ง PIMCO ประเมินไว้เมื่อเดือนธ.ค. 2567 
  • ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ 95% ที่สำรวจโดยรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากแคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐ ระบุว่าความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากมาตรการภาษีของทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs และ Morgan Stanley ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของสหรัฐลง และคาดการณ์การเติบโตในปีนี้ที่ 1.7% และ 1.5% ตามลำดับ

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ หลังสหรัฐฯ เผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด และสต็อกเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก
  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 67.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 70.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล
  • สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
  • ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
  • กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวที่ค่อนข้างแข็งแกร่งของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2568 โดยระบุว่าการเดินทางทางอากาศและทางบกจะเป็นปัจจัยหนุนการใช้น้ำมัน

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศแคนาดา แถลงว่าอนุมัติให้เก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกามีทั้งหมด 5 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เหล็ก อะลูมิเนียม เหล็กหล่อ เครื่องคอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์กีฬา โดยให้มีผลในวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2025 เป็นต้นไป ส่งผลให้มูลค่าสินค้านำเข้าที่ถูกเก็บภาษีเพิ่ม 25% จากสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ มีจำนวนกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • การประกาศเก็บขึ้นภาษีอีก 25% ของกระทรวงการคลังแคนาดา เป็นรอบที่ 2 ในครั้งนี้ ดังนั้นอัตราภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมดจึงรวมเป็น 50% มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 26,000 ล้านยูโร หรือเกือบ 1,000,000 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปซึ่งเป็นการยกระดับสงครามการค้า เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเหล็ก และอะลูมิเนียม ในอัตรา 25% กับทุกประเทศทั่วโลก
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) เพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของ EU ที่มีต่อสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการยกระดับสงครามการค้าที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยทรัมป์ย้ำว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตราที่เท่าเทียมกัน หาก EU เรียกเก็บภาษีจากสหรัฐฯเพิ่ม
  • โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียกำลังรอการบรรยายสรุปจากทางสหรัฐเกี่ยวกับผลการเจรจากับยูเครนที่ซาอุดีอาระเบีย ก่อนที่จะมีการแสดงความเห็นว่ารัสเซียสามารถยอมรับข้อเสนอหยุดยิงจากทางยูเครนได้หรือไม่
  • หลังการเจรจาเป็นเวลามากกว่า 8 ชั่วโมงกับเจ้าหน้าที่ยูเครนที่ ซาอุดีอาระเบีย รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะนำข้อเสนอหยุดยิงระยะเวลา 30 วันเข้าหารือกับทางการรัสเซีย ขณะเดียวกัน สหรัฐจะกลับมาให้การสนับสนุนด้านข่าวกรองและด้านการทหารแก่ยูเครน หลังจากที่ถูกระงับไว้ก่อนหน้านี้
  • ญี่ปุ่นได้เริ่มพิจารณาแนวทางสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพและการฟื้นฟูบูรณะยูเครน หลังจากมีแนวโน้มทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซีย แต่ยังคงชะลอการตัดสินใจจนกว่ายุโรปจะดำเนินการก่อน

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

  • ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.78 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.86 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีกรอบแนวรับที่ 33.60 บาท แนวต้าน 34.00 บาท

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 





บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com