• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2568

    28 มีนาคม 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจ


  • Final GDP q/q ออกมาที่ 2.4% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.3% และครั้งก่อนที่ 2.3%
  • Final GDP Price Index q/q ออกมาที่ 2.3% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.4% และครั้งก่อนที่ 2.4%
  • Unemployment Claims ออกมาที่ 224K ทรงตัวจากที่คาดการณ์ 225K และครั้งก่อนที่ 225K
  • Pending Home Sales m/m ออกมาที่ 2.0% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 0.9% และครั้งก่อนที่ -4.6%


  • ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจ การว่างงานทรงตัว ขณะที่ GDP สหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าคาด สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วง ไตรมาสสุดท้ายเดือนตุลาคม-ธันวาคม ปี 2024 ขยายตัวถึง 2.4% จากเดิม 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินส่วนใหญ่ก็ได้มีการปรับลดคาดการณ์ GDP ในปีนี้ลง เนื่องจากเริ่มกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดี ทรัมป์


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.2% ในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงและตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 46.54 เหรียญ หรือ 1.54% อยู่ที่ระดับ 3,066.88 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 38.50 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 3,061.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 0.29 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 929.65 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ซื้อสุทธิ 25.27 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 57.13 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก Bank of America ได้ประกาศปรับประมาณการราคาทองคำเฉลี่ยในปี 2568 ขึ้นมาอยู่ที่ 3,063 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ปรับเพิ่มเป้าหมายสำหรับปี 2569 เป็น 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2,625 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่เพียงเท่านั้น นักวิเคราะห์ของ Bank of America ยังมองเห็นศักยภาพของราคาทองคำที่จะพุ่งสูงขึ้นไปแตะระดับ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้าอีกด้วย


  • ซิตี้ รีเสิร์ช (Citi Research) เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 25% ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ และปรับลดคาดการณ์ราคาทองแดงในช่วง 3 เดือนข้างหน้าลงเหลือ 9,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากเดิมที่คาดไว้ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยคาดว่า สหรัฐฯ จะประกาศเก็บภาษีตามมาตรา 232 สำหรับการนำเข้าทองแดงในอัตรา 25% อย่างเร็วที่สุดในเดือนเม.ย. และจะเริ่มบังคับใช้ในเดือนพ.ค.


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.39 จุด หรือ -0.37% มาอยู่ที่ระดับ 104.26 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.0 % มาอยู่ที่ระดับ 4.348% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 3.992% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.36%


  • ทอม บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาริชมอนด์ เปิดเผยว่า ท่าทีนโยบายการเงินของเฟดในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในระดับ "ค่อนข้างเข้มงวด" นั้น มีความเหมาะสมกับสถานการณ์แวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยสะท้อนความเห็นในทิศทางเดียวกับเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ ในช่วงหลัง โดยเน้นย้ำถึงความเป็นไปได้ที่มาตรการภาษีศุลกากรต่างๆ ที่รัฐบาลทรัมป์ นำมาใช้อาจเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้


  • บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า การประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ส่งผลให้โอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1 พ.ค. ลดลงอย่างมาก


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันพฤหัสบดี โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ร่วงลงอย่างหนัก


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,299.70 จุด ลดลง 155.09 จุด หรือ -0.37%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,693.31 จุด ลดลง 18.89 จุด หรือ -0.33% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,804.03 จุด ลดลง 94.98 จุด หรือ -0.53%


  • นโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงไปมาของรัฐบาลทรัมป์ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขณะเดียวกันนักลงทุนกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานตกอยู่ในภาวะชะงักงัน เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน และมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก


  • นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2025 อาจจะเติบโตช้าลง ถึงแม้ตัวเลขไตรมาส 4/2024 จะออกมาดีกว่าคาดการณ์ เพราะทั้งผู้บริโภคและธุรกิจเริ่มกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบายการค้าที่ค่อนข้างแข็งกร้าว จนทำให้เฟด รวมถึงสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Goldman Sachs และ Morgan Stanley ต้องปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงมาแล้ว


  • กระทรวงการคลังอังกฤษคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษจะขยายตัวเพียง 1% ในปี 2568 ซึ่งลดลงถึงครึ่งหนึ่งจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า GDP จะขยายตัว 2%


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกันวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด และแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจทั่วโลก


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 69.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 74.03 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 956,000 บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 25% สำหรับสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศที่ซื้อน้ำมันและก๊าซจากเวเนซุเอลา โดยล่าสุดมีรายงานว่า รีไลแอนซ์ อินดัสทรีส์ (Reliance Industries) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติอินเดีย จะระงับการนำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลา หลังจากรัฐบาลทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากร


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • นายกฯ แคนาดา กล่าวว่า ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับอเมริกาจบลงแล้ว และจะมีมาตรการภาษีตอบโต้กลับ หลัง 'ทรัมป์' ไม่หยุดขึ้นภาษีแคนาดา ท่าทีล่าสุดเกิดขึ้น หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี 25% รถยนต์นำเข้าที่ผลิตนอกอเมริกาทุกคัน ในวันที่ 2 เม.ย. โดยจะส่งผลกระทบต่อแคนาดาด้วย ซึ่งผู้นำแคนาดาระบุว่า มาตรการดังกล่าวทำให้ข้อตกลงผลิตรถยนต์สหรัฐฯ-แคนาดา ที่ลงนามตั้งแต่ปี 1965 สิ้นสุดลงไปโดยปริยาย


  • นักลงทุนประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยปธน.ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันพุธที่ 26 มี.ค. เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในอัตรา 25% จากเดิมที่ระดับ 2.5% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. ส่วนการเรียกเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย.


  • ปธน.ทรัมป์เตรียมใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่สก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่อกลุ่มประเทศ “Dirty 15” หรือ 15 ประเทศที่มียอดเกินดุลการค้าสูงสุดกับสหรัฐฯ โดย 1 ใน 15 ประเทศนั้น มีประเทศไทยร่วมด้วย


  • สมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ายานยนต์ (SMMT) ของอังกฤษระบุว่า แผนการของสหรัฐฯ ที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ถือเป็นสิ่งน่าผิดหวัง ซึ่งแทนที่จะกำหนดภาษีเพิ่มเติม เราควรพิจารณาวิธีต่าง ๆ ที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้ผลิตทั้งในอังกฤษและสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค รวมถึงได้สร้างงานและการเติบโตทั่วภูมิภาคแอตแลนติก


  • ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (EU) แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป และกล่าวว่าเราจะประเมินสถานการณ์ของประกาศดังกล่าว ร่วมกับมาตรการอื่น ๆ ที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าพร้อมระบุว่า EU จะยังคงหาทางออกผ่านการเจรจา ควบคู่ไปกับการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตน


  • ขณะนี้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงแคนาดาและฝรั่งเศส ได้ประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้หลังจากปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25%


  • รองนายกรัฐมนตรีจีนเปิดเผยว่า ยังคงคัดค้านนโยบายกีดกันทางการค้าอย่างแข็งกร้าว และมุ่งมั่นที่จะปกป้องด้านเสรีการค้า ท่ามกลางความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น


  • ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะดำเนินมาตรการตอบโต้การเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ 25% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ


  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ยูเครนอาจลงนามในข้อตกลงเศรษฐกิจภายในสัปดาห์หน้า และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ไม่ลังเลที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หากจำเป็น


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.83 บาทต่อดอลลาร์ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.75-34.05 บาทต่อดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ)

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com