• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 8 เมษายน 2568

    8 เมษายน 2568 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำและหันไปถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัยซึ่งรวมถึงสกุลเงินดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -35.19 เหรียญ หรือ -1.16% อยู่ที่ระดับ 2,995.58 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 61.80 ดอลลาร์ หรือ 2.04% ปิดที่ 2,973.6 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 6.02 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 926.78 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ขายสุทธิ 6.6 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 54.26 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก Tradu.com กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนหันไปถือครองสกุลเงินปลอดภัย ซึ่งรวมถึงดอลลาร์สหรัฐฯ ฟรังก์สวิส และสกุลเงินเยนของญี่ปุ่น ท่ามกลางความผันผวนในตลาด และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเกิดภาวะถดถอย


  • โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า มีโอกาส 45% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่เจพีมอร์แกน (JPMorgan) คาดการณ์ว่ามีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย


  • ในสัปดาห์นี้ มีการสำรวจราคาทองคำของ Kitco News โดยทิศทางของวอลล์สตรีทได้เปลี่ยนไป หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วมีแนวโน้มเป็นบวกอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญ 31% คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ แต่ในขณะที่ 50% คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญที่เหลืออีก 19% คาดว่าราคาทองคำจะทรงตัว


  • แรงขายที่ต่อเนื่องในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์โลหะมีค่าจาก Standard Chartered Bank ได้เผยแพร่แนวโน้มล่าสุดเกี่ยวกับทองคำ โดยเธอคาดการณ์ว่าราคาทองคำเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.06 จุด หรือ 0.06% มาอยู่ที่ระดับ 103.13 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.27 % มาอยู่ที่ระดับ 4.168% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.27 % มาอยู่ที่ระดับ 3.738% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.43%


  • นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาชิคาโก กล่าวว่า ภาคธุรกิจกังวลเรื่องภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ธนาคารกลางจะพิจารณา "ข้อมูล" ก่อนตัดสินใจเรื่องนโยบาย หากภาษีศุลกากรสูงตามที่ขู่กันไว้ และมีการตอบโต้กันไปมา เราอาจเจอปัญหาเงินเฟ้อสูงแบบปี 2021-2022" 


  • บิล อัคแมน นักลงทุนกองทุนป้องกันความเสี่ยง ออกโรงเตือนถึงผลกระทบของมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงกว่านี้ หากวันที่ 9 เมษายน เปิดฉากสงครามนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจกับทุกประเทศทั่วโลก การลงทุนทางธุรกิจจะหยุดชะงัก ผู้บริโภคจะระงับการใช้จ่าย และจะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง


  • Jp morgan คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของภาษีศุลกากรที่กำหนดโดยประธานาธิบดีทรัมป์ โดยคาดว่า GDP จะหดตัว 1% ในไตรมาส 3 และ 0.5% ในไตรมาส 4 ส่งผลให้ GDP ปี 2568 หดตัวรวม 0.3%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันจันทร์ (7 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 50% หากจีนไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,965.60 จุด ลดลง 349.26 จุด หรือ -0.91%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,062.25 จุด ลดลง 11.83 จุด หรือ -0.23% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,603.26 จุด เพิ่มขึ้น 15.48 จุด หรือ +0.10%


  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) และภาษีศุลกากรพื้นฐาน (Baseline Tariff) เมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย. โดยภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ นับตั้งแต่ 10-49% โดยขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศนั้น ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เม.ย.


  • ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยในระหว่างวัน ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก หลังจากมีข่าวว่าปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ออกไปอีก 90 วัน แต่หลังจากนั้นไม่นานทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ซึ่งส่งผลดัชนีร่วงลงสู่แดนลบ


  • ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศว่า เขาจะให้เวลารัฐบาลจีนจนถึงวันอังคารที่ 8 เม.ย.ในการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษี 34% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ มิฉะนั้นจีนจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 50%


  • ในระหว่างวัน ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นทะลุระดับ 60 ก่อนที่ดัชนีจะลดช่วงลบ และปิดที่ระดับ 46.98 แต่ก็ถือเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 5 ปี


  • เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกนเตือนว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์จะส่งผลให้ราคาสินค้าทั้งภายในประเทศของสหรัฐฯ และสินค้าที่มีการนำเข้า ปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งจะฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ชะลอตัวลงอีก


  • นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค


  • วุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติแผนงบประมาณของพรรครีพับลิกันในเช้าวันนี้ (5 เม.ย.) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะขยายมาตรการลดภาษีปี 2560 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ และปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ ลงอย่างมาก


  • นักวิเคราะห์กล่าวว่า หากมาตรการลดภาษีดังกล่าวได้รับการอนุมัติ จะเพิ่มหนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประมาณ 5.7 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า ขณะที่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาโต้แย้งว่า ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยระบุว่า ผลกระทบจากการขยายมาตรการลดภาษีที่มีกำหนดจะหมดอายุในปลายปีนี้นั้น ไม่ควรถูกนับรวมในค่าใช้จ่ายของมาตรการนี้


  • สำนักงานบริหารการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Administration – ITA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปยังจีนเป็นมูลค่า 1.435 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 ลดลงจาก 1.478 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์ (7 เม.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยและทำให้ความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกปรับตัวลดลง


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.08% ปิดที่ 60.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 64.21 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564


  • ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเป็นไปอย่างผันผวน โดยราคาดีดตัวขึ้นในระหว่างวันหลังจากมีข่าวว่าปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ออกไปอีก 90 วัน แต่หลังจากนั้นไม่นานทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ซึ่งส่งผลราคาน้ำมันร่วงลงอีกครั้ง


  • นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า มีโอกาส 45% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า พร้อมกับปรับลดเป้าหมายราคาน้ำมันในเดือนธ.ค. 2568 โดยปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI ลงอีก 5 ดอลลาร์ เหลือ 66 ดอลลาร์ และ 62 ดอลลาร์ ตามลำดับ

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ (Jaguar Land Rover) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ประกาศระงับการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าฉบับใหม่ของสหรัฐฯ


  • เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (EU) ยังยึดมั่นในแนวทางการเจรจากับสหรัฐฯ เรื่องมาตรการภาษีนำเข้า แต่ย้ำพร้อมดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เหมาะสม หากจำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ของตน


  • ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แห่งไต้หวัน ได้ยื่นข้อเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เหลือ 0% เมื่อวันอาทิตย์ (6 เม.ย.) ที่ผ่านมา โดยให้คำมั่นว่าไต้หวันจะมุ่งขจัดอุปสรรคทางการค้า แทนการใช้มาตรการตอบโต้ และจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ ต่อไป โดยข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีไต้หวัน สูงถึง 32% อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่ครอบคลุมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของไต้หวัน


  • นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศว่า จะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับจุดยืนของญี่ปุ่นต่อมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่พึ่งพาการส่งออก


  • รัฐบาลจีนได้ออกแถลงการณ์ เพื่อคัดค้านการใช้มาตรการภาษีอย่างไม่เป็นธรรมของสหรัฐฯ โดยระบุว่า สหรัฐฯ ได้ละเมิดสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศต่าง ๆ อย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO) ทำลายระบบการค้าพหุภาคีที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ และบั่นทอนเสถียรภาพของระเบียบเศรษฐกิจโลก 


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  34.70 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงหนักจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.21 บาทต่อดอลลาร์ (ณ วันศุกร์ที่ 4 เมษายน)  มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.20- 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.80 บาทต่อดอลลาร์ 

 


ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com