• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 11 เมษายน 2568

    11 เมษายน 2568 | Gold News


สรุปตัวเลขเศรษฐกิจ


  • Core CPI m/m ออกมาที่ 0.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.3% และครั้งก่อนที่ 0.2%
  • CPI m/m ออกมาที่ -0.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.1% และครั้งก่อนที่ 0.2%
  • CPI y/y ออกมาที่ 2.4% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.5% และครั้งก่อนที่ 2.8%
  • Unemployment Claims ออกมาที่ 223K ทรงตัวจากคาดการณ์ที่ 223K ครั้งก่อนที่ 219K


  • ภาพตัวเลขเศรษฐกิจ ดัชนี CPI ชี้วัดเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงทั้งหมด ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และต่ำกว่าครั้งก่อนหน้า ขณะที่อัตราการว่างงานออกมาทรงตัวจากคาดการณ์


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 130.4 เหรียญ หรือ 4.23% อยู่ที่ระดับ 3,210.88 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 98.10 ดอลลาร์ หรือ 3.19% ปิดที่ 3,177.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 12.62 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 949.71 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 16.33 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 77.19 ตัน


  • ตลาดทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทางด้านทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ล่าสุดว่า ปธน.ทรัมป์ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 125% ในวันพุธ แต่อัตราภาษีดังกล่าวยังไม่รวมกับที่ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% เพื่อลงโทษจีนที่ไม่ได้สกัดการไหลทะลักของยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในขณะนี้สูงถึง 145% โดยรวม


  • ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน เม.ย.68 อยู่ที่ระดับ 75.25 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.77 จุด หรือ 1.03% จากเดือน มี.ค.68 ที่ระดับ 74.48 จุด โดยปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย นโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และความตึงเครียดของสงครามการค้า


  • หัวหน้าฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินเอเชียแปซิฟิกของ UBS Global Wealth Management กล่าว่าเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างมากต่อทองคำ ปัจจัยสำคัญต่อไปคือการที่ธนาคารกลางสหรัฐจะเข้ามาแทรกแซง และลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -2.83 จุด หรือ -2.75% มาอยู่ที่ระดับ 100.16 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.15 % มาอยู่ที่ระดับ 4.464% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 3.843% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.62%


  • หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย. และมีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 1% ภายในสิ้นปีนี้


  • มิเชล โบว์แมน สมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง แต่ผลกระทบของนโยบายการค้าของปธน.ทรัมป์ยังคงไม่แน่นอน ขณะที่ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งของเฟดนั้น ควรจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อนโยบายการค้ามีความชัดเจน


  • นายเจฟฟ์ ชมิด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัสซิตี้ กล่าวว่า เขายังคง มุ่งเน้นอย่างเต็มที่ไปที่ปัญหาเงินเฟ้อ และความเสี่ยงที่ภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ อาจดันราคาสูงขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์เงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,593.66 จุด ลดลง 1,014.79 จุด หรือ -2.50%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,268.05 จุด ลดลง 188.85 จุด หรือ -3.46% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,387.31 จุด ลดลง 737.66 จุด หรือ -4.31%


  • สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า สหภาพยุโรป (EU) จะชะลอการใช้มาตรการตอบโต้การเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาทางการค้าของทั้งสองฝ่าย


  • เจเน็ต เยลเลน อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการทำร้ายตัวเองมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา และแม้ว่านักลงทุนบางส่วนคลายความวิตกหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ชะลอการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวออกไป 90 วัน แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกทั่วก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะตื่นตระหนกอันเนื่องมาจากการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


  • ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 21.12% ปิดที่ 40.72


  • โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP จีนลงอย่างมาก โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะโตเพียง 4% ในปี 2568 และ 3.5% ในปี 2569 ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.5% และ 4.0% ตามลำดับ โดยระบุว่าการปรับลดครั้งนี้เป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างหนักหน่วง


  • สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ เผยว่า อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลงในเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันเบนซินที่ลดลงถึง 9.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางที่ลดลงอย่างรวดเร็วก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเครื่องบินที่ลดลง 5.3% ในช่วงกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม และราคาห้องพักโรงแรมที่ลดลง 3.5%


  • นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่า การลดลงของอัตราเงินเฟ้อครั้งนี้สะท้อนถึงอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากการท่องเที่ยวเข้าสหรัฐฯ ลดลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางนโยบายการค้าที่เข้มงวดของทรัมป์ ข้อมูลจากภาครัฐระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังสหรัฐฯ ลดลงเกือบ 12% ในเดือนที่ผ่านมา

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากความวิตกกังวลว่าสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2.28 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 60.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.15 ดอลลาร์ หรือ 3.28% ปิดที่ 63.33 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงจีนนั้น รัฐบาลจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% จากเดิม 34%


  • การที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีจีนมีแนวโน้มที่จะทำให้จีนลดการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลจาก Kpler ซึ่งให้บริการติดตามเรือบรรทุกน้ำมันระบุว่า การส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ไปยังจีนลดลงเหลือ 112,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค.


  • ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • จีนประกาศขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ ทุกรายการ สูงถึง 84% มีผลแล้ววันนี้ (10 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งขึ้นภาษีสินค้าจีนทั้งหมดเป็น 125% นับเป็นการกระทำที่ยิ่งทำให้สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกดุเดือดยิ่งขึ้น


  • เหอ หย่งเฉียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ กลับสู่โต๊ะเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า แต่การเจรจาจะต้องมีความเป็นธรรม ไม่ใช่การข่มขู่ และหากสหรัฐฯ ต้องการทำสงครามการค้ากับจีน จีนก็จะต่อสู้จนถึงที่สุด


  • ผู้ก่อตั้งบริดจ์วอเตอร์ แอสโซซิเอตส์ (Bridgewater Associates) กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกร้องให้สหรัฐฯ ทำข้อตกลงกับจีนเกี่ยวกับประเด็นภาษีศุลกากร พร้อมชี้ว่าเป้าหมายต่อไปของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ควรเป็นการลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณของประเทศให้เหลือ 3% ของ GDP


  • ทูตการค้าระดับสูงของเกาหลีใต้กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศระงับการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ได้เปิดทางให้มีการเจรจา ในขณะที่เกาหลีใต้กำลังพยายามเจรจาลดอัตราภาษีนำเข้า


  • กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า จีนและสหภาพยุโรป (EU) ตกลงที่จะร่วมมือกันสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี โดยมีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นแกนกลาง

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นค่อยเป็นค่อยไป จากบรรยากาศในตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ขณะที่โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติจะเริ่มทยอยเข้ามา ช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทบ้าง ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 11เม.ย.2568ที่ระดับ  33.83 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  34.15 บาทต่อดอลลาร์


  • นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้ทาบทามนายสถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ แทนนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. คนปัจจุบัน ซึ่งจะหมดวาระในเดือน ก.ย.68 คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนายสถิตย์ในเร็ว ๆ นี้


  • ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) เดือนมี.ค.68 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจ และหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 24-31 มี.ค.68 พบว่า ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 48.9 ลดลงจากระดับ 49.4 ในเดือนก.พ.68 ลดลงครั้งแรกในรอบ 2 เดือน

 



ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com