• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 17 เมษายน 2568

    17 เมษายน 2568 | Gold News

สรุปตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน

  • Core Retail Sales m/m ออกมาที่ 0.5% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 0.4% และครั้งก่อน 0.3%
  • Retail Sales m/m ออกมาที่ 1.4% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.3% และครั้งก่อน 0.2%
  • Fed Chair Powell Speaks

 

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,300 ดอลลาร์ในวันพุธ (16 เม.ย.) และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 111.0 เหรียญ หรือ 3.44% อยู่ที่ระดับ 3,341.0 เหรียญ
  • ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 106 ดอลลาร์ หรือ 3.27% ปิดที่ 3,346.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 4.02 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 957.17 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 23.79 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 84.65 ตัน
  • นักวิเคราะห์จากบริษัท FXTM กล่าวว่า ราคาทองคำได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอยอันเนื่องมาจากสงครามการค้า และการที่ราคาทองคำสามารถพุ่งขึ้นทะลุระดับทางจิตวิทยาที่ 3,300 ดอลลาร์ได้นั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าราคาอาจจะทะยานขึ้นไปจนถึงระดับ 3,400 – 3,500 ดอลลาร์
  • ธนาคาร ANZ ประเทศออสเตรเลีย ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปีเป็น 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และคาดการณ์ราคาทองคำในอีก 6 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.44 จุด หรือ -0.44% มาอยู่ที่ระดับ 99.62 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 4.302% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 3.8% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.5%



  • เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงเกินคาดนั้น อาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง พร้อมระบุว่ามาตรการดังกล่าวของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อภารกิจ Dual Mandate ของเฟด โดยภารกิจดังกล่าวคือการทำให้การจ้างงานขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
  • นักลงทุนหลายคนคาดหวังว่า หากตลาดหุ้นร่วงหนักจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าแทรกแซงโดยการลดดอกเบี้ย หรือที่เรียกกันว่า "Fed Put" เพื่อพยุงตลาด อย่างไรก็ตาม เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ได้กล่าวชัดเจนว่า เฟดยังไม่ดำเนินการดังกล่าวในขณะนี้ เนื่องจากผลกระทบของนโยบายภาษีของทรัมป์ยังมีความไม่แน่นอนสูง และเฟดจำเป็นต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจ 
  • เฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย โดยจะรอดูข้อมูลและผลกระทบของนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องภาษีก่อน 
  • เบธ แฮมแม็ก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เศรษฐกิจตอนนี้มีความเสี่ยงทั้งเรื่องเงินเฟ้อที่ยังสูงและตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอตัว เฟดจึงควรรอดูข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย
  • สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ "Scope" จากยุโรปเตือนว่า สหรัฐฯ อาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ หากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อทำให้ความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์ลดลง โดยนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 8.2% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งสัญญาณว่าอาจต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน หากมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น 
  • ธนาคารกลางแคนาดาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ในวันพุธ โดยหยุดการลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง 7 ครั้ง ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยหากเงินเฟ้อยังสูง และรอดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีนำเข้า และจะดำเนินนโยบายอย่างรอบคอบ

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 700 จุดในวันพุธ (16 เม.ย.) หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลงเนื่องจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่อินวิเดีย (Nvidia) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปไปยังประเทศจีน
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,669.39 จุด ลดลง 699.57 จุด หรือ -1.73%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,275.70 จุด ลดลง 120.93 จุด หรือ -2.24% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,307.16 จุด ลดลง 516.01 จุด หรือ -3.07%
  • ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงหลังจากอินวิเดียเปิดเผยว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศจำกัดการส่งออกชิป AI รุ่น H20 ไปยังจีน ทำให้บริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ในงบการเงินประจำไตรมาส ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น 
  • ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 8.37% ปิดที่ 32.64
  • เศรษฐกิจจีนขยายตัว 5.4% ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังคงรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่ง แม้ว่าการขู่ขึ้นภาษีของสหรัฐฯ จะทำให้ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ปรับลดประมาณการการเติบโตประจำปีของจีนลงก็ตาม GDP ในไตรมาสแรกนี้สูงกว่าที่รอยเตอร์สคาดการณ์ไว้ที่ 5.1% (เมื่อเทียบเป็นรายปี) 

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (16 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 62.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.82% ปิดที่ 65.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่โดยมุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งการคว่ำบาตรครั้งนี้รวมถึงโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็ก (Teapot) ในจีน 
  • ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้รับทราบถึงแผนปรับปรุงใหม่จากอิรัก คาซัคสถาน และประเทศอื่น ๆ เพื่อลดการผลิตน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อชดเชยการผลิตเกินโควต้าตามที่ได้ตกลงกันไว้
  • สำหรับความเคลื่อนไหวด้านอื่น ๆ นั้น สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 515,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 507,000 บาร์เรล
  • ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

  • รายงานจากทำเนียบขาว เสนอให้ลดงบประมาณกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เกือบ 50% ตลอดจนการเสนอให้ปิดสถานทูตในบางประเทศ และยกเลิกการสนับสนุนเงินทุนแก่องค์กรระหว่างประเทศ เช่น UN และ NATO
  • สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบทศวรรษ เพื่อแสดงให้เห็นว่าจีนเป็นคู่ค้าที่น่าเชื่อถือสำหรับอาเซียน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยมองว่า การเยือนครั้งนี้สะท้อนว่าจีนต้องการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของอาเซียน
  • รัฐบาลจีนแต่งตั้งหลี่ เฉิงกัง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การที่หลี่ได้รับแต่งตั้งครั้งนี้ทำให้เขาก้าวขึ้นเป็นสมาชิกคนสำคัญในทีมเจรจาการค้าของจีน ในช่วงเวลาที่จีนกำลังหาทางรับมือกับข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ
  • แหล่งข่าววงในรัฐบาลจีนเปิดเผยว่า จีนยื่นเงื่อนไขก่อนจะเจรจาการค้า เรียกร้องสหรัฐฯ แสดงความเคารพและยุติคำพูดดูหมิ่น โดยจีนต้องการเห็นการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนที่จะตกลงเข้าร่วมการเจรจาทางการค้า โดยเงื่อนไขสำคัญคือ สหรัฐฯ ต้องแสดงความเคารพต่อจีนมากขึ้น ผ่านการควบคุมคำพูดที่ดูหมิ่นของรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล นอกจากนี้ จีนยังต้องการให้สหรัฐฯ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนและสอดคล้องกันในการเจรจา รวมถึงแสดงความตั้งใจที่จะแก้ไขข้อกังวลของจีนเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
  • ประธานาธิบดีทรัมป์ เผยว่าการเจรจากับคณะผู้แทนญี่ปุ่น (นำโดยรัฐมนตรีเรียวเซอิ อากาซาวะ) มี 'ความคืบหน้าครั้งใหญ่' ญี่ปุ่นพยายามเจรจาขอลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้าที่ทรัมป์ขู่จะเก็บ (ซึ่งปัจจุบันระงับชั่วคราว แต่ยังมีภาษีพื้นฐาน 10% และภาษีรถยนต์/เหล็ก/อลูมิเนียม 25%) คาดว่าญี่ปุ่นอาจเสนอ 'ข้อตกลงครอบคลุม' เพื่อแลกเปลี่ยน"

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

  • นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.12 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ วันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.25 บาท/ดอลลาร์
  • ไทยเตรียมเสนอเพิ่มนำเข้า ก๊าสอีเทน-LNG จากสหรัฐฯ มูลค่าราว 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 5 ปี โดย PTT จะเจรจาสัปดาห์หน้า รองนายกฯ เผยเป็นการนำเข้าทดแทนส่วนที่กำลังหมดสัญญาจากแหล่งอื่น ซึ่งในส่วนนี้ไทยจะพิจารณานำเข้าจากสหรัฐฯ แทน

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com