• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 18 เมษายน 2568

    18 เมษายน 2568 | Gold News

สรุปตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน

  • Unemployment Claims ออกมาที่ 215K ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 225K และครั้งก่อนที่ 224K
  • Philly Fed Manufacturing Index ออกมาที่ -26.4 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.2 และครั้งก่อนที่ 12.5
  • Building Permits ออกมาที่ 1.48M สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.45M และครั้งก่อนที่ 1.46M
  • Housing Starts ออกมาที่ 1.32M ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 1.42M และครั้งก่อนที่ 1.49M

 

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -15.0 เหรียญ หรือ -0.45% อยู่ที่ระดับ 3,327.0 เหรียญ
  • ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 18 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่ 3,328.4 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 4.88 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 952.29 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 18.91 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 79.77 ตัน
  • นอกจากนี้ นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้พบปะกับคณะผู้แทนญี่ปุ่นที่กรุงวอชิงตันเพื่อเจรจาเกี่ยวกับภาษีศุลกากร โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่าการพบปะหารือครั้งนี้ถือเป็นความคืบหน้าครั้งใหญ่
  • ทั้งนี้ แม้ว่าการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุปว่าญี่ปุ่นจะได้รับการยกเว้นภาษีหรือไม่ แต่หัวหน้าคณะเจรจาของญี่ปุ่นกล่าวว่าทั้งสองประเทศจะพบปะหารือกันอีกในเร็ว ๆ นี้ โดยทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงภายในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ผ่อนผันการเรียกเก็บภาษี 90 วัน
  • โดยตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (18 เม.ย.) เนื่องในวัน Good Friday
  • Citi Research ปรับเป้าหมายราคาทองคำในอีกสามเดือนข้างหน้าขึ้นเป็น 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิม 3,200 ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยหนุนจากการเข้าซื้อทองคำของบริษัทประกันภัยจีน และแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเรื่องภาษีศุลกากรและความผันผวนของตลาด
  • นักวิเคราะห์ Citi กล่าวในรายงานว่า "เรามองว่าขณะนี้ตลาดทองคำมีแนวโน้มขาดแคลนทองคำจริงอย่างมาก ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น นั่นหมายความว่าราคาจำเป็นต้องปรับตัวสูงขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้ถือครองทองคำเทขายออกมา"
  • ธนาคารคาดการณ์ว่าความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมจะสูงถึง 110% ของปริมาณทองคำที่ขุดได้ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินโลก นอกจากนี้ ธนาคารกลางของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ รวมถึงจีน กำลังเพิ่มการสำรองทองคำ ในขณะที่ความต้องการของนักลงทุนผ่านกองทุน ETF และตลาด OTC ก็สูงขึ้นเช่นกัน

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.11 จุด หรือ 0.11% มาอยู่ที่ระดับ 99.34 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.333% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 3.8% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.53%
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม ตุลาคม และธันวาคม แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.
  • ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 ในรอบ 1 ปี สู่ระดับ 2.25% เพื่อลดความกังวลและฟื้นฟูความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีการค้าระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนที่ฉุดการบริโภคและการลงทุน

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพฤหัสบดี (17 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,142.23 จุด ลดลง 527.16 จุด หรือ -1.33%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,282.70 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด หรือ +0.13% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,286.45 จุด ลดลง 20.71 จุด หรือ -0.13%
  • นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย และขู่ว่าจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งหากไม่ดำเนินการตามคำเรียกร้อง ขณะที่อลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตเตือนว่า ตลาดการเงินในสหรัฐฯ จะทรุดตัวลงอย่างหนัก หากปธน.ทรัมป์ปลดพาวเวล
  • นอกจากนี้ เขายังให้สัมภาษณ์โดยกล่าวว่า "หากต้องการให้เขาลาออก เขาก็ต้องลาออก" (แม้ว่าเฟดจะเป็นองค์กรอิสระ) พร้อมระบุว่าพาวเวลล์กำลังเผชิญ "แรงกดดันทางการเมืองอย่างหนัก" ให้ลดอัตราดอกเบี้ย คำกล่าวเหล่านี้ยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบาย

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี (17 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) จะบรรลุข้อตกลงการค้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 2.21 ดอลลาร์ หรือ 3.54% ปิดที่ 64.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 3.20% ปิดที่ 67.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • นักวิเคราะห์จากบริษัท Mizuho กล่าวว่า หากสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับ EU ก็จะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์น้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่อุปสงค์อ่อนแอลงในช่วงที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลการกรของปธน.ทรัมป์
  • ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ โดยมุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งการคว่ำบาตรครั้งนี้รวมถึงโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็ก (Teapot) ในจีนด้วย โดยจีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดจากอิหร่าน และโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กของจีนเหล่านี้เป็นผู้ซื้อน้ำมันหลักจากอิหร่าน
  • นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้ปัจจัยบวกจากการที่อิรัก คาซัคสถาน และประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อชดเชยการผลิตเกินโควตาตามที่ได้ตกลงกันไว้
  • ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (18 เม.ย.) เนื่องในวัน Good Friday ส่วนการซื้อขายตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็พุ่งขึ้นประมาณ 5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์

ข่าวเกี่ยวกับการเมือง

  • สหรัฐฯ พิจารณาเก็บค่าธรรมเนียมเรือจีน: รัฐบาลทรัมป์เสนอแผนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากเรือสินค้าสัญชาติจีนที่เข้าเทียบท่าในสหรัฐฯ โดยอ้างเหตุผลเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเรือภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจส่งผลให้ราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น
  • ในขณะเดียวกันทรัมป์ชะลอการขึ้นภาษีจีน ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลัง "ชะลอ" การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เนื่องจากความกังวลต่อผลกระทบต่อการค้า พร้อมทั้งอ้างว่าจีนได้ติดต่อเข้ามาเพื่อเจรจาหลายครั้ง
  • นักลทุนมีความหวังว่าสหรัฐฯ และ EU จะบรรลุข้อตกลงการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และจอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ได้พบปะกันที่กรุงวอชิงตัน โดยทั้งสองฝ่ายได้แสดงมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขความตึงเครียดด้านการค้าที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป
  • ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ กรณีภาษีศุลกากรผิดกฎหมาย กับบรรดาคู่ค้าระหว่างประเทศ โดยกล่าวว่า แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ไม่มีรัฐใดจะได้รับผลกระทบมากกว่ารัฐแคลิฟอร์เนีย โดย 40% ของสินค้าที่หมุนเวียนในสหรัฐฯ นำเข้าผ่านท่าเรือ 2 แห่งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งราว 50% นำเข้ามาจากจีน
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางถึงกัมพูชาแล้วเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) เพื่อเยือนอย่างเป็นทางการ 2 วัน โดยเป็นประเทศสุดท้ายในทริปเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากแวะเยือนเวียดนามและมาเลเซียก่อนหน้า รายงานระบุว่า ทั้งสองประเทศคาดว่าจะหารือในประเด็นความสัมพันธ์ทางการค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงที่กัมพูชากำลังเผชิญกับมาตรการภาษีจากสหรัฐฯ
  • รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียซึ่งรวมถึงประเทศไทย กำลังมองหาลู่ทางที่จะซื้อน้ำมันและก๊าซจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ และต่างก็คาดหวังที่จะโน้มน้าวให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการเรียกเก็บภาษีสินค้าที่ส่งออกไปขายในสหรัฐฯ

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

  • ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้18เม.ย.2568 ที่ระดับ  33.36 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.29 บาทต่อดอลลาร์ 
  • นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมที่อาจเบาบางลง จากวันหยุดทำการของตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป เนื่องในวันหยุด Good Friday โดยเงินบาทจะมีโซนแนวต้านแถวระดับ 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com