• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 22 เมษายน 2568

    22 เมษายน 2568 | Gold News

 

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,400 ดอลลาร์ในวันจันทร์ และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 117.36 เหรียญ หรือ 3.52% อยู่ที่ระดับ 3,449.62 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 96.90 ดอลลาร์ หรือ 2.91% ปิดที่ 3,425.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 4.88 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 952.29 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 18.91 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 79.77 ตัน


  • ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยล่าสุด จีนประกาศเตือนประเทศต่าง ๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน และหากประเทศใดเลือกแนวทางดังกล่าว จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.62 จุด หรือ -0.63% มาอยู่ที่ระดับ 98.46 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.411% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.0 % มาอยู่ที่ระดับ 3.781% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.63%


  • สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เดินหน้าโจมตีเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด โดยปธน.ทรัมป์พยายามกดดันให้พาวเวลเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย และขู่ว่าจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งหากไม่ยอมทำตามคำเรียกร้อง


  • เอริก ลอมบาร์ด รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเตือนว่า ความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดอลลาร์จะตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ หากปธน.ทรัมป์ปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด


  • ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า เขาพบว่าประเทศที่ธนาคารกลางไม่มีอิสรภาพนั้น อัตราเงินเฟ้อมักจะปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจเติบโตช้าลง และตลาดแรงงานอ่อนแอลง ซึ่งเขาคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะไม่ผลักตัวเองเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่ความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางถูกตั้งคำถาม เพราะนั่นจะเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของเฟด


  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากประธานเฟดถูกปลด อาจนำไปสู่ความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดการเงิน และอาจเกิดแรงเทขายสินทรัพย์สหรัฐฯ ครั้งใหญ่ เนื่องจากกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของเงินดอลลาร์ในระยะยาว


  • เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประเมินว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้จะมีความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน มาร์ตินส์ คาซัคส์ จากธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนว่ามาตรการภาษีดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจยูโรโซน


  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี เอาไว้ที่ระดับ 3.1% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ที่ระดับ 3.6% 


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เดินหน้าโจมตีเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,170.41 จุด ลดลง 971.82 จุด หรือ -2.48%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,158.20 จุด ลดลง 124.50 จุด หรือ -2.36% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,870.90 จุด ลดลง 415.55 จุด หรือ -2.55%


  • ปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความล่าสุดบนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวานนี้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง นอกเสียจากว่าพาวเวลจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทันทีซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์ยังคงกดดันพาวเวล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาขู่ว่าจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟดหากไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามคำเรียกร้อง


  • นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้แสดงความไม่พอใจที่พาวเวลกล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรของเขาจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ


  • ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยล่าสุดจีนประกาศเตือนประเทศต่าง ๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน และหากประเทศใดเลือกแนวทางดังกล่าว จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด


  • ข้อมูลศุลกากรจีน เผยว่า จีนลดการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐฯ ลงอย่างมากเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขั้นที่สินค้าบางชนิดไม่มีการนำเข้าเลย ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกร้อนระอุขึ้น


  • กระทรวงพาณิชย์ของจีนรายงานว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในไตรมาส 1/2568 ลดลง 10.8% สู่ระดับ 2.692 แสนล้านหยวน (ประมาณ 3.735 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)


  • หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 2.86% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 2.72%


  • Bloomberg Economics ประเมินว่า นโยบายภาษีของทรัมป์อาจสร้างความเสียหายต่อ GDP โลก เป็นมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2027


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกกังวลว่าสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.47% ปิดที่ 63.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 66.26 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากมีรายงานว่าคณะเจรจาของสหรัฐฯ และอิหร่านตกลงกันที่จะร่างกรอบข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านเปิดเผยว่า การเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก


  • ทางด้านประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียนของอิหร่านยืนยันว่า อิหร่านพร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐ หากมีการรับประกันผลประโยชน์แห่งชาติของอิหร่าน โดยคำยืนยันของปธน.อิหร่านมีขึ้นหลังการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ทางอ้อมรอบที่ 2 ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ ที่กรุงโรมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 เม.ย.) ก่อนการเจรจารอบที่ 3 จะเริ่มขึ้นที่กรุงมัสกัตของโอมานในวันเสาร์ที่ 26 เม.ย.นี้


  • ทั้งนี้ หากสหรัฐฯ และอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ ก็อาจปูทางไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ซึ่งจะทำให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก


  • นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลว่าสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน โดยล่าสุดจีนประกาศเตือนประเทศต่าง ๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน และหากประเทศใดเลือกแนวทางดังกล่าว จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์เตือนทุกประเทศที่อาจร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการจำกัดบทบาทของจีนทางเศรษฐกิจ เพื่อแลกกับการลดภาษี โดยจีนย้ำว่าจะตอบโต้การกระทำใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตน ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯวางแผนใช้ประเด็นภาษีศุลกากรกดดันให้พันธมิตรจำกัดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน


  • สำนักงานศุลกากรเกาหลีใต้ (KCS) เปิดเผยว่า ตรวจพบความพยายามที่เพิ่มสูงขึ้นของสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ในการสวมรอยให้กลายเป็นสินค้าที่ผลิตในเกาหลี (Made in Korea) เพื่อหลบเลี่ยงกำแพงภาษีระลอกใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ


  • นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี พบหารือกับวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ ณ กรุงนิวเดลี โดยอินเดียมุ่งหวังที่จะบรรเทาข้อจำกัดทางการค้ากับสหรัฐฯ ทำเนียบขาวแถลงว่าการเจรจาคืบหน้าไปมาก และทั้งสองประเทศได้บรรลุหลักการเบื้องต้นสำหรับการเจรจาข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนแล้ว


  • กระทรวงการต่างประเทศจีนประกาศว่า จีนจะใช้มาตรการคว่ำบาตรสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้นำองค์กรนอกภาครัฐ (NGO) ซึ่งมีพฤติกรรมเลวร้ายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับฮ่องกงหลังจากเมื่อวันที่ 31 มี.ค. สหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกง 6 คน โดยอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามข้ามชาติ


  • สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์เพียงวันเดียวสิ้นสุดลง โดยทั้งสองฝ่ายต่างออกมากล่าวหากันว่ามีการโจมตีละเมิดข้อตกลงดังกล่าวนับพันครั้ง ขณะที่ทำเนียบเครมลินยืนยันชัดเจนว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่ได้มีคำสั่งให้ขยายเวลาการหยุดยิงในแนวหน้าออกไปแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้ย้ำจุดยืนหลายครั้งว่า ยูเครนพร้อมที่จะพักรบเป็นเวลา 30 วัน


  • หน่วยงานสาธารณสุขภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮูตีแถลงว่า เหตุการณ์โจมตีทางอากาศโดยสหรัฐอเมริกาณ ตลาดแห่งหนึ่งใจกลางกรุงซานา เมืองหลวงของประเทศเยเมน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 12 ราย และบาดเจ็บอีก 30 ราย


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.24 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.09 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.10-33.40 บาทต่อดอลลาร์


  • ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่าสถานการณ์ค้าปลีกไทยในช่วงครึ่งปีหลังปี 68 มีสัญญาณชะลอตัวมากกว่าเดิม โดยมีปัจจัยท้าทายจากสงครามการค้าสหรัฐ กดดันภาคการส่งออกของไทย โดยภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ กำหนดต่อไทยที่ 37% คาดว่าจะกระทบการส่งออกไทยราว 8.8 แสนล้านบาท ประกอบกับนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐ ทำให้สินค้าจากจีนทะลักเข้าไทยเพิ่มมากขึ้นอีก ทำให้ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 68 ลงอยู่ที่ 1-1.4% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2.7-3%

 

 


ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com