• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 24 เมษายน 2568

    24 เมษายน 2568 | Gold News

 

ตัวเลขเศรษฐกิจ


  • Flash Manufacturing PMI ออกมาที่ 50.7  สูงกว่าคาดการณ์ที่ 49.0 ครั้งก่อน 50.2
  • Flash Services PMI ออกมาที่  51.4 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 52.8 ครั้งก่อน 54.4
  • New Home Sales ออกมาที่  724K สูงกว่าคาดการณ์ที่ 684K ครั้งก่อน 674K


  • ภาพรวมตัวเลข ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) “รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน จากระดับ 53.5 ในเดือนมี.ค. ปี 67 อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ยังคงขยายตัว ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นสูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ถึง 7.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. ปี67


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังส่งสัญญาณปรับลดภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากจีน


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 37.61 เหรียญ หรือ 1.13% อยู่ที่ระดับ 3,362.4 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 125.30 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 3,294.10 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 949.14 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 17.20 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 76.62 ตัน


  • นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนในอัตรา 145% นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่สหรัฐฯ จะไม่เรียกเก็บภาษีที่สูงเช่นนั้น โดยจะปรับลดลงต่ำกว่านั้นมาก แต่ไม่ถึงระดับ 0%


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.1 จุด หรือ 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 99.58 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 4.362% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.01 % มาอยู่ที่ระดับ 3.84% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.52%


  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะกรอบล่าง 143 เยนในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียว เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่าไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ออกจากตำแหน่ง


  • เบธ แฮมแม็ก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวเมื่อวันพุธว่า สภาวะต่างๆ ยังคงสนับสนุนการลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งระบุว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนอย่างมากในขณะนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน และดูว่าข้อมูลจะออกมาเป็นอย่างไร ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย


  • เอเดรียนา คุกเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกโรงสนับสนุนให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมต่อไปก่อนจนกว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจะลดลง โดยให้เหตุผลว่า ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่สูงเกินคาดอย่างมีนัยสำคัญนั้น มีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ราคาสินค้าสูงขึ้น


  • รายงาน Beige Book เดือนเมษายนของเฟด เผยเศรษฐกิจโดยรวมเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ความกังวลเรื่องภาษีศุลกากรฉุดแนวโน้มเศรษฐกิจหลายภูมิภาค การใช้จ่ายผู้บริโภคยังไม่แน่นอน ตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัวในหลายเขต การเติบโตของค่าจ้างชะลอลงในบางพื้นที่ แม้มีแรงงานเพิ่มขึ้น ด้านเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากภาษี บริษัทแบกรับภาระต้นทุนเองหลังกำไรลดลง


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันพฤหัสบดี (23 เม.ย.) ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,606.57 จุด เพิ่มขึ้น 419.59 จุด หรือ +1.07%
  • ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,375.86 จุด เพิ่มขึ้น 88.10 จุด หรือ +1.67% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,708.05 จุด เพิ่มขึ้น 407.63 จุด หรือ +2.50%


  • บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการที่ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีเป้าหมายที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานเฟดก่อนที่พาวเวลจะครบวาระในเดือนพ.ค. 2569 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด


  • หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.92% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 2.76% ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มพลังงาน ปรับตัวลง 0.42% และ 0.27% ตามลำดับ


  • ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า นับจนถึงขณะนี้มีบริษัท 110 แห่งในดัชนี S&P500 ที่รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มี 75% ที่รายงานผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ พบว่า ยอดการกู้ยืมของรัฐบาลสหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างรายจ่ายกับรายรับจากภาษีในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2568 อยู่ที่ 1.519 แสนล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นถึง 2.07 หมื่นล้านปอนด์จากปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับค่าจ้างและสวัสดิการ


  • IMF ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2568 ลงสู่ระดับ 4% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในเดือนม.ค.ว่าจะขยายตัว 4.6% และปรับลดคาดการณ์ GDP ของอินเดียในปี 2568 ลงสู่ระดับ 6.2% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6.5% นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของญี่ปุ่นในปี 2568 ลงสู่ระดับ 0.6% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.1%


  • แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America – BofA) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียในปี 2568 โดยเตือนว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และแรงกดดันด้านภาษีศุลกากร จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างหนัก ทั้งนี้ BofA คาดว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ถ่วงน้ำหนักทั้งภูมิภาคเอเชียในปี 2568 จะชะลอตัวลงเหลือ 3.9% โดยลดลง 0.6% จากประมาณการก่อนหน้า และจะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยเป็น 4.2% ในปี 2569


  • รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มการนำเข้าข้าวปลอดภาษีจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาต่อรองให้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเว้นภาษีศุลกากรแก่ญี่ปุ่น 


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส กำลังพิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าอาจจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 62.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 66.12 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากมีรายงานว่าสมาชิกหลายรายของโอเปกพลัสต้องการให้เพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการผลิตติดต่อกันเดือนที่ 2 โดยรายงานระบุว่าสมาชิกบางรายต้องการให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับการผลิตในเดือนพ.ค.


  • ทั้งนี้ สมาชิก 8 รายของกลุ่มโอเปกพลัสจะประชุมกันในวันที่ 5 พ.ค.เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดกำลังการผลิตในเดือนมิ.ย.


  • อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนในอัตรา 145% นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่สหรัฐฯ จะไม่เรียกเก็บภาษีที่สูงเช่นนั้น โดยจะปรับลดลงต่ำกว่านั้นมาก แต่ไม่ถึงระดับ 0%


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • ท่าทีล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดูเหมือนจะ "ผ่อนคลาย" ใน 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ เรื่องของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และเรื่องกำแพงภาษีกับจีน ได้สร้างความคึกคักให้กับตลาดหุ้นในช่วงเปิดตลาด รวมถึงกดดันตลาดทองคำ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นนั้นก็ถูก "สกัดลง" โดย Bessent ที่ออกมากล่าวว่า "ไม่มีการลดภาษีให้จีนก่อนอย่างแน่นอน"


  • โดยทรัมป์ส่งสัญญาณว่าจะ ลดภาษีลงอย่างมาก หากสามารถบรรลุข้อตกลงกับจีนได้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวจาก Wall Street Journal ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจพิจารณา ทยอยลดภาษีจีนลง เหลือประมาณ 50% - 65% ซึ่งท่าทีที่อ่อนลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้พบปะกับผู้บริหารค้าปลีกรายใหญ่ที่แสดงความกังวลว่าภาษีจะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างรุนแรง


  • ขณะที่นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปฏิเสธรายงานของ The Wall Street Journal ที่ว่าทำเนียบขาวกำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพียงฝ่ายเดียว โดยยืนยันว่าทั้งสองประเทศจะต้องร่วมกันลดอัตราภาษีนำเข้าก่อนที่จะสามารถเริ่มการเจรจาทางการค้าได้


  • รัฐมนตรีการคลังของอังกฤษ เตรียมพบปะเจรจากับ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เพื่อผลักดันการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การลดหรือยกเลิกภาษีนำเข้าที่ทรัมป์ประกาศใช้กับสินค้าจากสหราชอาณาจักร


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.57 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.39 บาทต่อดอลลาร์มองกรอบเงินบาทวันนี้  คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.40-33.70 บาทต่อดอลลาร์ 

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com